“โรคใหลตาย” ภัยร้ายที่เกิดจากหลายปัจจัย แพทย์ รพ.ViMUT ชวนส่องสัญญาณเตือน คนใจสั่น-เจ็บหน้าอก ป้องกันด่วนก่อนหลับแล้วไม่ตื่น

0

มิติหุ้น – หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมคนที่ดูแข็งแรงและใช้ชีวิตปกติ กลับจากเราไปอย่างกะทันหันจากการนอนหลับไปเฉย ๆ จนเกิดความกังวลใจว่าอาจเกี่ยวข้องกับโรคร้ายชนิดใหม่ แต่แท้จริงแล้วภาวะดังกล่าวอาจเกิดจาก “โรคใหลตาย” ภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อการเต้นของหัวใจ และคร่าชีวิตผู้คนในขณะหลับโดยแทบไม่แสดงสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทำให้คนส่วนใหญ่พลาดโอกาสในการป้องกันเพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองคือกลุ่มเสี่ยง เพื่อคลายความกังวลต่อภัยร้ายนี้ พญ.ฐานิกา วุทธชูศิลป์ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด รพ.วิมุต จะพาไปทำความรู้จักโรคใหลตายให้ดียิ่งขึ้น พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้อย่างง่ายและทำได้จริง

รู้จัก “โรคใหลตาย” ภัยเงียบทางพันธุกรรม

โรคใหลตาย (Sudden Unexplained Nocturnal Death Syndrome: SUNDS) เป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง จนเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกายและสมองได้ทันท่วงที ทำให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและเสียชีวิต โดยโรคนี้มักเกิดขึ้นในขณะนอนหลับ เพราะเป็นช่วงเวลาที่หัวใจเต้นช้าลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้การนำเกลือแร่และโซเดียมในเซลล์หัวใจทำงานผิดปกติ จึงไปกระตุ้นให้หัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะและหยุดเต้นไปในที่สุด

เช็กลิสต์กลุ่มเสี่ยงโรคใหลตาย-แพทย์ชี้ “พักผ่อนไม่พอ” ต้องระวัง

โรคใหลตายมักเกิดในผู้ที่มีพันธุกรรมผิดปกติที่กระทบการเต้นของหัวใจ และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะในช่วงวัยทำงานอายุ 20-50 ปี รวมถึงผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเสียชีวิตจากความผิดปกติของหัวใจตั้งแต่อายุน้อย พญ.ฐานิกา วุทธชูศิลป์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “พฤติกรรมบางอย่างก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นได้ เช่น การทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ มีไข้สูง ดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ขาดวิตามินบี 1 อย่างรุนแรง รวมถึงการกินอาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตปริมาณมาก เช่น ข้าวเหนียว ขนมปัง โดยไม่กินผักและผลไม้ ทำให้ร่างกายขาดโพแทสเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการควบคุมจังหวะหัวใจ อีกทั้งยังเกี่ยวกับการใช้ยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาต้านเศร้า หรือยาสำหรับรักษาโรคหัวใจบางตัวก็อาจเป็นตัวกระตุ้นได้

ใจสั่น-เป็นลม หน้ามืด-นอนแล้วหายใจเฮือก สัญญาณ “โรคใหลตาย” ที่ห้ามละเลย

ความน่ากลัวของโรคใหลตายคือมักไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่ในบางรายอาจมีสัญญาณเตือนที่เราอาจมองข้ามไป เช่น ใจสั่นผิดปกติ เป็นลม หน้ามืด เวียนศีรษะหลังออกกำลังกาย หรือนอนหลับแล้วหายใจเฮือกคล้ายขาดอากาศ ซึ่งถ้าสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ยังป้องกันได้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนจะสายเกินไป

พบคนหมดสติ-ปลุกไม่ตื่น เสี่ยงใหลตาย ต้องช่วยเหลือทันที

หากคนใกล้ตัวเกิดอาการวูบ หมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือนอนหลับแล้วปลุกไม่ตื่น อาจเป็นอาการของภาวะหัวใจหยุดเต้นที่นำไปสู่การใหลตาย ให้รีบช่วยเหลือโดยด่วน โดยโทรแจ้งสายด่วน 1669 ทันที ระหว่างรอรถพยาบาลให้จัดผู้ป่วยนอนราบและเช็กการหายใจ หากพบว่าหยุดหายใจต้องรีบทำ CPR ด้วยการกดหน้าอกอย่างต่อเนื่องในจังหวะ 100 ครั้งต่อนาที จนกว่าบุคลากรทางการแพทย์จะมาถึง หรือผู้ป่วยได้สติขึ้นมา

ป้องกัน “โรคใหลตาย” เริ่มต้นที่การตรวจคัดกรอง

พญ.ฐานิกา วุทธชูศิลป์ อธิบายว่า “โรคใหลตายแม้จะเกิดขึ้นเฉียบพลันแต่ก็สามารถตรวจพบล่วงหน้าได้ โดยคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคใหลตาย แนะนำให้เข้ามาตรวจหัวใจ ซึ่งวิธีตรวจมีหลายแบบ อาทิ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อดูความผิดปกติของสัญญาณไฟฟ้า การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะวิ่งบนสายพาน (Exercise Stress Test) เพื่อดูการทำงานของหัวใจขณะออกแรง และการอัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram) เพื่อเช็กโครงสร้างหัวใจอย่างละเอียด หากพบว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอาจต้องฝังเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ (ICD) เพื่อปรับจังหวะการเต้นหัวใจเมื่อมีการเต้นผิดปกติ

“แม้โรคนี้อาจสร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน แต่เราก็ป้องกันได้ด้วยการหันมาดูแลตัวเอง หมั่นตรวจเช็กสุขภาพร่างกายและหัวใจเป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และให้ความสำคัญกับอาหารการกิน เน้นทานผักและผลไม้ควบคู่ไปกับมื้อแป้ง เพื่อช่วยรักษาสมดุลเกลือแร่ที่มีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก จะได้เข้านอนได้อย่างสบายใจทุกคืน” พญ.ฐานิกา วุทธชูศิลป์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ชั้น 6 โรงพยาบาลวิมุต เวลาทำการ 08:00 – 17:00 น. โทร. 02-079-0042 หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือใช้บริการปรึกษาหมอออนไลน์

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon