
Key highlights
- เศรษฐกิจไทยปี 2569 จะโตแค่ 1.5% ต่ำสุดในรอบ 3 ทศวรรษ (ไม่นับช่วงปีวิกฤต) ชะลอตัวลงจาก 2.0% ในปี 2568 โดยมีแรงกดดันหลักมาจากปัจจั
ยภายนอก ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และการแข่งขันรุนแรงจากต่ างประเทศ และจากข้อจำกัดเชิงโครงสร้ างเศรษฐกิจของไทยที่ชัดเจนมากขึ้ น ไม่ว่าจะเป็ นความเปราะบางในภาคครัวเรื อนและภาคธุรกิจที่กระทบต่อกำลั งซื้อและการลงทุนในประเทศ และข้อจำกัดการคลังภายใต้ ความไม่แน่นอนทางการเมือง จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ ไทยต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้ างเศรษฐกิจเพื่อสร้างเครื่ องยนต์ใหม่ ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ ควบคู่กับการสร้างภูมิคุ้มกั นเศรษฐกิจรองรับความผันผวนที่รุ นแรงขึ้น - เปิด 7 คำถามชี้ชะตาเศรษฐกิจไทยปี 2569
- สงครามการค้าและการแข่งขั
นจากภายนอกกระทบไทยอย่างไร? การส่งออกเสี่ยงจะหดตัว 1.5% จากผลกระทบภาษีสหรัฐฯ การแข่งขันรุนแรงขึ้น และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ขณะที่ท่องเที่ยวแม้เริ่มฟื้นตั ว ขยายตัวประมาณ 4% แต่ยังจะต่ำกว่าระดับก่อนโควิ ดค่อนข้างมาก โดยมีความท้าทายจาก Tourism war ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น และความกังวลต่อประเด็ นความปลอดภัยเพิ่มเติมจากกรณีขั ดแย้งกับเพื่อนบ้านที่รุนแรงขึ้ น - การบริโภคภาคเอกชนจะได้รั
บผลกระทบจากความเปราะบางด้ านรายได้และหนี้ครัวเรือนอย่ างไร? รายได้แรงงานโตช้า ท่ามกลางตลาดแรงงานและความเชื่ อมั่นผู้บริโภคที่เปราะบางขึ้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีปัจจั ยเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ภาระหนี้ครัวเรือนเมื่ อเทียบกับรายได้ยังอยู่ในระดั บสูง และความเสี่ยงการชำระหนี้ที่เริ่ มกระจายไปยังกลุ่มรายได้กลาง-สู งมากขึ้น ครัวเรือนจึงมีแนวโน้มระมัดระวั งการใช้จ่ายท่ ามกลางกระบวนการลดหนี้ที่เกิดขึ้ นต่อเนื่อง (Debt deleveraging) - การลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวได้
หรือไม่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนในหลายมิ ติ? การลงทุนภาคเอกชนยังจะขยายตั วได้บ้างจากแรงหนุนของเม็ดเงิ นต่างประเทศในอุตสาหกรรมใหม่ผ่ านการส่งเสริมของ BOI เป็นสำคัญ แต่การลงทุนลักษณะนี้จะมี Import content สูง ทำให้การลงทุนอาจไม่สร้ างประโยชน์ได้เต็มที่ต่อการผลิ ตในประเทศในระยะสั้น และอาจเพิ่มความเสี่ยง Transshipment tariff กับสหรัฐฯ ในช่วงข้างหน้า ขณะที่การลงทุนของธุรกิจไทยทั้ งด้านเครื่องจักรและด้านก่อสร้ างจะมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่ องจากกำลังซื้อในประเทศที่ซบเซา และอัตรากำลังการผลิตที่ยังต่ำ - ภาวะการเงินที่ตึงตัวจะมีการปรั
บตัวที่ดีขึ้นหรือไม่? ในปี 2568 แม้ กนง จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง แต่ภาวะการเงินตึงตัวขึ้ นมากจากสินเชื่อภาคครัวเรือนและ SME ที่หดตัว และค่าเงินบาทที่แข็งตัวมาก ในปี 2569 SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 1.0% ภายในครึ่งแรกของปีหน้า เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจผ่ านการลดต้นทุนทางการเงิ นและลดแรงกดดันการแข็งค่าของเงิ นบาท รวมทั้งเพื่อยกระดับเงินเฟ้อที่ น่าจะอยู่ต่ำกว่าเป้าในปีหน้า แต่การเข้าถึงสินเชื่อของครั วเรือนและ SME น่าจะยังท้าทายต่อเนื่อง เนื่องจากฐานะการเงินครัวเรื อนและ SME ยังคงเปราะบางท่ามกลางความไม่ แน่นอนทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ทำให้สถาบันการเงินจะยังระมั ดระวังการปล่อยสินเชื่ออยู่ มาตรการภาครัฐจึงจะมีความสำคั ญทั้งมาตรการสนับสนุนการปรั บโครงสร้างหนี้แก่ภาคครัวเรือน และมาตรการ Soft loan และการค้ำประกันสินเชื่อแก่ SME อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของมาตรการทางการเงิ นเหล่านี้ ต้องมาพร้อมมาตรการด้านการเพิ่ มรายได้ของภาคครัวเรือน และการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขั นให้กับ SME ด้วย - การเมืองไม่แน่นอน กระทบการคลังและเศรษฐกิจอย่างไร
? การยุบสภาเร็วขึ้นกว่าไทม์ไลน์ เดิมจะทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุ นปี 2569 ต่ำกว่าปกติ แต่อาจช่วยให้การประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2570 ล่าช้าน้อยลง อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนข้างหน้ายังสูง และการใช้จ่ายภาครั ฐในระยะกลางจะมีข้อจำกัดมากขึ้น จากแรงกดดันปฏิรูปการคลังเพื่ อลดการขาดดุลงบประมาณและควบคุ มหนี้สาธารณะ ซึ่งจะเป็นภารกิจสำคัญของรั ฐบาลใหม่ในการสร้างความเชื่อมั่ นต่อสถาบันเครดิตเรตติงและเสถี ยรภาพทางการคลังในระยะยาว - การปฏิรูปเชิงโครงสร้างคื
อทางออก เริ่มแล้วจะยั่งยืนแค่ไหน? เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ ยนสำคัญที่ต้องเผชิญแรงกดดั นรอบด้าน การปฏิรูปเชิงโครงสร้างเป็ นทางออกของประเทศที่หลีกเลี่ ยงไม่ได้ ภาครัฐจำเป็นต้องสานต่อสิ่งที่ เริ่มไว้แล้วและเร่งเดินหน้ านโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริ งจัง โดยเน้นนโยบายระยะยาวเพิ่ มความสามารถในการแข่งขั นของประเทศ เน้นการยกระดับนโยบายสนับสนุ นภาคธุรกิจ และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจร่ วมกับภาคเอกชน เช่น การคลายอุปสรรคการลงทุน และการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มี ศักยภาพผ่านแพลตฟอร์มการปฏิรู ปประเทศร่วมกับภาคเอกชน (Reinvent Thailand) - ธุรกิจไหนไปต่อได้ ปรับตัวอย่างไรให้อยู่รอด? ทิศทางธุรกิจไทยจะถูกขับเคลื่
อนบนความท้าทาย 5 ด้าน คือ ความผันผวนของห่วงโซ่อุ ปทานการค้าโลก, กำลังซื้อภาคครัวเรือนที่ เปราะบาง, ความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐ, การแข่งขันรุนแรงในประเทศและต่ างประเทศ และแรงกดดันจากเมกะเทรนด์ ภาพรวมธุรกิจในปี 2569 จะยังมีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจ (Subsegment) ที่สามารถปรับตัวและรับมื อความเสี่ยงเหล่านี้ได้ดีจะมี โอกาสเติบโตและใช้ประโยชน์ จากเมกะเทรนด์ได้ เช่น ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจที่รองรับการเปลี่ ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริ โภคและกระแสความยั่งยืน และธุรกิจที่เจาะตลาดที่มีศั กยภาพเติบโต
- เศรษฐกิจโลกปีหน้
าจะชะลอลงจากผลกำแพงภาษีสหรัฐฯ ชัดเจนขึ้น - SCB EIC มองเศรษฐกิจโลกปี 2569 จะขยายตัวชะลอลงเหลือ 2.5% (จาก 2.7% ปีนี้) ปัจจัยกดดันหลักจากมาตรการภาษี
นำเข้าสหรัฐฯ ที่จะทำให้การค้าโลกชะลอตัวลง หลังเร่ง Front–loading
แต่เศรษฐกิจโลกจะได้แรงขับเคลื่อนหลักจากการลงทุน AI โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และนโยบายการเงินการคลังผ่ อนคลาย แม้ข้อจำกัดนโยบายเริ่มชัดขึ้น - อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ปีหน้าจะต่ำลงอีก แต่อาจลดเพิ่มไม่มากจากปัญหาเงิ
นเฟ้อ Fed มีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยอีก 50 bps ขณะที่ ECB จะคงดอกเบี้ยต่ำไว้ที่ 2% สวนทางกับ BOJ ที่จะทยอยขึ้นดอกเบี้ยไปที่ระดั บ 1% ในช่วงกลางปีหน้า
- SCB EIC มองเศรษฐกิจโลกปี 2569 จะขยายตัวชะลอลงเหลือ 2.5% (จาก 2.7% ปีนี้) ปัจจัยกดดันหลักจากมาตรการภาษี
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon





























