ASPS วันนี้ฝากความหวังไว้กับ กนง. ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวและการว่างงานสหรัฐฯ พุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี

33

มิติหุ้น – บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยบทวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดการเงินจับตาการตัดสินใจครั้งสำคัญของธนาคารกลางในวันนี้ โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ขณะที่ภาพรวมตลาดโลกยังคงมีความผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นถึง ความอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ

โดยการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll) เดือนตุลาคม 2568 ลดลง 105,000 ตำแหน่ง เนื่องจากผลกระทบของ Government Shutdown ที่ทำให้พนักงานภาครัฐหายไป แม้ว่าในเดือนพฤศจิกายน 2568 การจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 64,000 ตำแหน่ง แต่ก็กระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Education & Health Services และ Construction (โดยเฉพาะงานก่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI) อัตราการว่างงานล่าสุดได้เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ความอ่อนแอของตลาดแรงงานนี้กำลังเพิ่มความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในปีหน้า

โดยผลสำรวจจาก FEDWATCH TOOL คาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง (ในเดือนเมษายนและกรกฎาคม 2569) อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันสำคัญคือ อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังคงสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 2% โดยตลาดคาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายน 2568 จะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 3.1% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบปี ด้านตลาดหุ้นโลก ดัชนี NASDAQ เริ่มแสดงสัญญาณรูปแบบขาลงมากขึ้น หลังเกิดสัญญาณ HINDENBERG และดัชนีไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ อีกทั้งยังตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (SMA 50) ลงมา ซึ่งสร้าง sentiment เชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ

กนง. มีโอกาส 96% ที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจปี 2569

วันนี้เป็นวันสำคัญที่ต้องติดตามการประชุม กนง. เพื่อดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะถัดไป ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คาดการณ์แนวโน้ม GDP ปี 2569 ไว้ที่ 1.6% ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีความเปราะบาง นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ (23 จาก 24 ราย หรือคิดเป็นโอกาส 96%) คาดการณ์ว่า กนง. จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากเดิม 1.50% เหลือ 1.25% เพื่อพยุงไม่ให้เศรษฐกิจในปี 2569 ทรุดตัวหนักไปกว่านี้ สาเหตุหลักที่ทำให้จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยคือ การชะลอตัวในหลายส่วนของ GDP ได้แก่:

  1. การบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะโตเพียง 1.8% ในปี 2569 (ลดลงจาก 2.1% ในปี 2568) แสดงถึงกำลังซื้อที่หดหายและประชาชนรัดเข็มขัด
  2. การส่งออก (Export Value)คาดว่าจะติดลบ -1.0% ในปี 2569 แสดงความผันผวนสูงจากผลกระทบด้านTrade Tariff ของสหรัฐฯ
  3. ภาคท่องเที่ยว แม้จะฟื้นตัวในปี 2569 แต่จำนวนนักท่องเที่ยว (35.0 ล้านคน) ยังไม่ถึงระดับของปี 2567 (35.5 ล้านคน)

แรงหนุนจากหุ้น ESG และการปรับดัชนี

ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากประเด็นด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) โดยมีหุ้นใน SET100 กว่า 39 บริษัทที่ได้รับการปรับเพิ่ม ESG RATING หุ้นที่ได้รับการปรับอันดับขึ้นเหล่านี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง +1.7% เมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของ SET Index โดยรวม ตัวอย่างหุ้นที่ปรับเพิ่มอันดับและมีราคาบวกแรง ได้แก่ AOT (จาก A เป็น AA) +7%, AAV (จาก – เป็น AAA) +6%, และ AWC (จาก AA เป็น AAA) +5% นอกจากนี้ การประกาศรายชื่อหุ้นเข้าใหม่ในดัชนี SET50 สำหรับรอบ 1H69 ได้แก่ SAWAD และ CENTEL และหุ้นเข้าใหม่ใน SET100 ได้แก่ GFPT, PTG, และ STECON ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยรองรับเม็ดเงินจากกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

กลยุทธ์การลงทุนและหุ้นเด่นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัว และได้รับ sentiment เชิงลบช่วงสั้นๆ จากการที่ 4 หุ้นถูกถอดออกจากดัชนี SETESG แต่มี 20 บริษัทใหม่ที่เข้าดัชนี SETESG มาช่วยหนุนแทน หุ้นแนะนำสำหรับการเก็งกำไร หาก กนง. ลดดอกเบี้ย ได้แก่ TIDLOR, SAWAD, และ MTC นอกจากนี้ ยังมีหุ้นปันผลสูงที่น่าสนใจต่อปี ได้แก่ LH (5.8%), ICHI (8.7%), และ MAJOR (6.7%)

สรุปหุ้นเด่นประจำวัน

GLOBAL GEM :  DISNEY80 / ZIJIN80

PRIME PICK :  TIDLOR / ICHI / MAJOR

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon