ASPS เจาะลึกกลยุทธ์ลงทุนโค้งสุดท้ายปี 2025: จับตาทองคำทำสถิติสูงสุด – เงินบาทแข็งค่าแปรผันผลตอบแทน

9

มิติหุ้น – บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยบทวิเคราะห์ระบุว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและไทยในช่วงท้ายปี 2025 ตกอยู่ในสภาวะที่มีปัจจัยขับเคลื่อนที่น่าสนใจหลายด้าน ทั้งการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ความตื่นตัวในเทคโนโลยีอนาคต และความผันผวนของค่าเงินที่เป็นตัวแปรสำคัญต่อกำไรของนักลงทุน

สินค้าโภคภัณฑ์พุ่งแรง ทองคำ-เงิน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี ในช่วงที่ผ่านมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีการดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรง โดยแร่ทองคำพุ่งแตะระดับ 4,441 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแร่เงินขยับใกล้ 70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ขยับขึ้นเหนือ 61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยแรงผลักดันหลักมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สหรัฐฯ เข้มงวดการขนส่งน้ำมันจากเวเนซุเอลา และเหตุโดรนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คึกคักรับความหวังดอกเบี้ยขาลง ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและใกล้แตะจุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) โดยมีแรงหนุนจากความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2026, นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าผู้จัดการกองทุนถือเงินสดในพอร์ตน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์เพียง 3.3% สะท้อนถึงการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างเต็มตัว

เทคโนโลยีควอนตัม: ขุมทรัพย์ใหม่หลังปี 2030 ในมุมมองระยะยาว เทคโนโลยีควอนตัม (Quantum Technology) กำลังถูกจับตามองในฐานะเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตแบบอัตราเร่งหลังปี 2030 และอาจแตะระดับ 1.30 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2040, ขณะที่รัฐบาลจีนได้บรรจุเทคโนโลยีนี้ไว้ในแผน 5 ปี ฉบับที่ 15 (2026-2030) อย่างชัดเจน ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำเก็งกำไรในกองทุนประเภท ETF เช่น QTUM US ที่มีการกระจายการลงทุนในกลุ่ม Big Tech ที่ได้ประโยชน์

เงินบาทแข็งค่า ตัวแปรที่นักลงทุนไทยต้องระวัง สำหรับตลาดหุ้นไทย ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึง 3.26% (MTD) กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อผลตอบแทน โดยเฉพาะนักลงทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ หากแลกกำไรกลับมาเป็นเงินบาทอาจพบว่าผลตอบแทนลดลงจนถึงขั้นขาดทุนได้ ในทางกลับกัน ค่าเงินบาทที่แข็งค่ากลับดึงดูด Fund Flow ต่างชาติให้ไหลเข้าสู่หุ้นขนาดใหญ่ของไทย

กลยุทธ์การลงทุนและหุ้นแนะนำ ภายใต้ปัจจัยสนับสนุนทั้งจากราคา Commodity, กระแสการเลือกตั้งปี 2569 ที่เริ่มมีการดีดีเบต และ Fund Flow ที่ไหลเข้า ฝ่ายวิจัยแนะนำกลยุทธ์ดังนี้:

  • หุ้นกลุ่มน้ำมัน: รับอานิสงส์ราคาพลังงานขาขึ้น ได้แก่PTTEP, PTT, TOP,
  • หุ้นได้ประโยชน์บาทแข็ง: กลุ่มที่มีหนี้ต่างประเทศสูงหรือต้นทุนนำเข้าลดลง ได้แก่GULF, BGRIM, AAV, BA, TVO,
  • หุ้นรับกระแสเลือกตั้ง: แนะนำPLANB, CPAXT, CPALL,
  • หุ้นเป้าหมายFund Flow:เน้นหุ้นใหญ่ เช่น KBANK, SCB, SCC, ADVANC,

สรุปภาพรวม: แม้ตลาดจะมีความเสี่ยงจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ แต่แรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และการเลือกตั้งในประเทศ ยังเป็นโอกาสสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น โดยต้องเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่แท้จริงตามเป้าหมาย

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon