SCC อัดงบลงทุน6หมื่นล. ดันยอดขายปูนโต5-6%

201

มิติหุ้น – SCC อัดงบลงทุน 6 หมื่นล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์เวียดนามครึ่งปีแรก เล็งซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องในภูมิภาคต่อเนื่อง พร้อมวางเป้ายอดขายโต 5-6% คาดความต้องการใช้ปูนภายในประเทศเพิ่มขึ้น 2-3% ปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC โดยนายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ราว 6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่ประเทศเวียดนาม โดยในเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนราว 2 หมื่นล้านบาท

ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรุปแผนการก่อสร้าง จัดหาแหล่งเงินทุน และอยู่ระหว่างเจรจาซื้อหุ้นเพิ่มจากกลุ่มเวียดนาม จากปัจจุบัน SCC มีสัดส่วนถือหุ้นเพิ่ม 71% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส1/2561 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในครึ่งปีแรก 2561 นี้โดยงบลงทุนรวมของโครงการยังอยู่ที่ 1.88 แสนล้านบาท

ส่วนเงินลงทุนที่เหลือใช้สำหรับซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของ SCC ซึ่งปัจจุบันได้ศึกษาการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน นอกจากนั้น เป็นลงทุนปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต พัฒนานวัตกรรม

ขณะการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดได้ข้อสรุปแผนการลงทุนในปีนี้ โดยในเบื้องต้นพิจารณาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง 2-3 โครงการ

ส่วนแผนขยายการลงทุนโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2 ในประเทศอินโดนีเซียและเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท พีที จันทรา แอสซรี จากปัจจุบัน SCC ถือหุ้นอยู่30% นั้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายปีนี้ ส่วนธุรกิจเอสซีจี เอ็กซ์เพรส นั้นปัจจุบันมีอยู่ 500 สาขา ตั้งเป้าขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในกลางปีนี้

“สำหรับแหล่งเงินลงทุนนั้นเนื่องจากปี 60 ใช้เงินลงทุนไปราว 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 5 หมื่นล้านบาท จึงเหลือเงินลงทุนบางส่วนมาใช้สำหรับการลงทุนและจากกระแสเงินสดที่อยู่ในมือขณะเดียวกัน พร้อมออกหุ้นกู้ตามที่ครบกำหนดสำหรับใช้ลงทุนในปีนี้” นายรุ่งโรจน์ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2561 SCC วางเป้ายอดขายเติบโต 5-6% จากปี 2560 มียอดขายที่ 4.5 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน การเพิ่มกำลังการผลิต และขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศคาดว่าจะเติบโตขึ้น 2-3% เนื่องจากคาดว่าจะเติบโตตามทิศทางการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ขณะที่ปี 2560 ติดลบ 5% หรืออยู่ในระดับ 37.5 ล้านตัน

สำหรับกรณีเงินบาทแข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท จะกระทบกับกำไร 2,000 ล้านบาท ดังนั้น SCC จึงต้องเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันและป้องกันความเสียงไว้แล้วเพื่อลดผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

www.mitihoon.com