มิติหุ้น-บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)ระบุว่า จากกรณีที่ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาของ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ต้องชำระภาษี รวมเบี้ยและค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 401 ล้านบาทให้กับกรมสรรพากร ทาง DELTA จะขอเจรจากับทางกรมสรรพากรเพื่อแบ่งชำระเงินภาษีดังกล่าว และคาดว่าจะไม่กระทบ DELTA เพราะมีการกันสำรองเอาไว้แล้ว ประมาณ 1 พันล้านบาท (ครอบคลุมกรณีที่เกี่ยวข้อง) ตั้งแต่เมื่อ2Q60 อ้างอิงจากหมายเหตุประกอบงบในไตรมาส 3/60 ที่มีกรณีภาษีที่เกี่ยวข้องอีก4กรณีดังนี้) ปี 2544 – 2547 จำนวน 400 ล้านบาท ii) ปี 2548 จำนวน 2 ล้านบาท iii) ปี 2549 จำนวน 170 ล้านบาท และ vi) ปี 2550 จำนวน 80ล้านบาทฐานะการเงินถือว่าแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือถึง 1.75 หมื่นล้านบาท หรือเท่ากับ 14.10 บาท/หุ้น ,ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 ก.ย. 2560 สูงถึง 3.13 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ภาระภาษี 401 ล้านบาท นี้คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 2.3% ของเงินสดในมือ และ 1.3% ของส่วนของผู้ถือหุ้นเท่านั้น จึงคาดว่าราคาหุ้นจะจำกัดอยู่ที่ 73.0 บาท เพราะได้สะท้อนความกังวลในเรื่องข้างต้นไปแล้ว เนื่องจาก ราคาปิดล่าสุดที่ 73.0 บาท เทียบเท่า multiple PER ที่ระดับบค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังของหุ้น DELTA
ฝ่ายวิเคราะห์จึงยังคงราคาเป้าหมายปี 2561 เอาไว้ที่ 86.00 บาท อิงจาก PER ที่ 18.0x (เฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง +1.0 S.D.) และ คงคำแนะนำ “ถือ” แม้ในระยะสั้นราคาอาจจะถูกกดดัน จากข่าวนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การที่ DELTA ยังสามารถจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับสมเหตุสมผลที่ 4.1% รวมถึงราคาหุ้นที่มีการซื้อขายที่ multiple PER ที่ระดับค่าเฉลี่ยน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนจากความเสี่ยงทั้ง ภัยธรรมชาติ, การปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier เจ้าอื่น และเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับ US$