 ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า  บมจ.ซีฟโก้ หรือ SEAFCO ผู้รับก่อสร้างงานฐานรากและงานโยธาทั่วไป โดย “นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า บริษัทขอรายงาน 5 โครงการใหม่ในเดือน ก.ย.62 ดังนี้ 1.โครงการวันแบงค็อก (เสาเข็มกันดิน) ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ และ 2. โครงการ สโคป หลังสวน (เสาเข็มกันดิน) ถนนหลังสวน กรุงเทพฯ มูลค่ารวมประมาณ 218 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทำให้ปัจจุบันปริมาณงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 2.6 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า  บมจ.ซีฟโก้ หรือ SEAFCO ผู้รับก่อสร้างงานฐานรากและงานโยธาทั่วไป โดย “นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า บริษัทขอรายงาน 5 โครงการใหม่ในเดือน ก.ย.62 ดังนี้ 1.โครงการวันแบงค็อก (เสาเข็มกันดิน) ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ และ 2. โครงการ สโคป หลังสวน (เสาเข็มกันดิน) ถนนหลังสวน กรุงเทพฯ มูลค่ารวมประมาณ 218 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทำให้ปัจจุบันปริมาณงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 2.6 พันล้านบาท
อีกทั้ง 3.โครงการ มิกซ์ยูส และคอนโดมิเนียม พระราม 3 ถนนพระราม 3 กรุงเทพฯ ,4.โครงการ อาคารกรุงศรี พระราม 3 ถนนพระราม 3 กรุงเทพฯ และ 5.โครงการ ปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 3 – ดาวคะนอง กรุงเทพฯ
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างติดตามงานประมูลเพิ่มเติมอีก 91 โครงการ คิดเป็นมูลค่างาน 19,612 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นงานโครงสร้างพื้นฐานและงานอาคารสูง ส่วนงานในต่างประเทศ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอรับงานเสาเข็มขุดเจาะคอนโดมิเนียมในประเทศกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันได้มีการเจรจากับทางผู้รับเหมาไทยที่คาดว่าจะได้งานดังกล่าว หากมีความชัดเจนจะสามารถเข้าไปเริ่มงานได้ทันที ดังนั้นทั้งปี 62 มั่นใจรายได้จะเติบโตที่ 3,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน
ด้าน “บล.เคจีไอ” เผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุนในหุ้น SEAFCO โดยช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสได้รับงานเพิ่มจาก โครงการภาครัฐและโครงการมิกซ์ยูสเชิงพาณิชย์หลายแห่ง อาทิ โครงการทางด่วนพระราม 3 – ดาวคนอง, โครงการทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ซึ่งคาด Backlog จากสองโครงการนี้ไว้ราว 1-1.2 พันล้านบาท และงานโครงการมิกซ์ยูส เช่น ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์แห่งใหม่, The Forestia ฯลฯ
โดยมองว่า SEAFCO มีโอกาสจะได้ประโยชน์มากที่สุดเนื่องจากมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 31% ในขณะที่คาดว่าสัญญาจ้างงานโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (HSR) เชื่อมสามสนามบิน น่าจะเซ็นได้ในเดือน ก.ย.62 ดังนั้นจึงเลือก SEAFCO เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มผู้รับเหมางานเสาเข็มและฐานราก เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มกำไรแน่นอนในปี 62 และมีศักยภาพสูงที่จะได้ Backlog เพิ่มจากการรับงานขนาดใหญ่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 11.70 บาท
www.mitihoon.com
 
                






















