5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้นภาคเช้า

353

อันดับที่ 1 BEC เร่งปรับกลยุทธ์เสริมคอนเทนต์ฉีกหนีคู่แข่ง กูรูเคาะแนวต้าน 12.60 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ หรือ BEC ซื้อขายภาคเช้าปรับตัวขึ้นสูงสุด 12.10 บาท ล่าสุด (11.10 น.) ราคาอยู่ที่ 11.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท เปลี่ยนแปลง +3.51% มูลค่าการซื้อขายกว่า 117 ล้านบาท นายประสิทธิ สุจิรวรกุล นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ประเมิน BEC มีแนวโน้มเติบโตตามภาพรวมอุตสาหกรรม แต่คาดยังต้องใช้ระยะเวลาสำหรับแผนของการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อที่จะสะท้อนในรูปของผลประกอบการที่จะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต คำแนะนำนักลงทุนสามารถ “ทยอยเข้าลงทุน” ได้ แต่อยู่ระหว่างการปรับราคาเป้าหมายพื้นฐานลงจากเป้าหมายเดิมที่ 17.00 บาท บนฐาน P/E ปี 2561 ที่ 55 เท่า ด้านนักวิเคราะห์ บล.ธนชาต ประเมินราคาหุ้นทางเทคนิคสามารถทยอยเข้าลงทุนได้ ให้แนวต้าน 12.60 บาท แนวรับ 11.70 บาท Stoploss 11.00 บาท

อันดับที่ 2 SCC ออกหุ้นกู้ 30,000 ลบ.

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC แจ้งว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2561 (SCC224A) จำนวน 30,000 ลบ. เพื่อทดแทนหุ้นกู้ 2 ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอน ในวันที่ 1 เม.ย. 2561จำนวนรวม 30,000 ลบ. โดยเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นกู้ SCC184A และ SCC184B ที่เป็นผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปผู้ถือหุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)ชุดอื่น ๆ ที่เป็นผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป และผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป โดยมีรายละเอียดดังนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวมีอายุ 3 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3 โดยวันออกหุ้น 2 เม.ย.2561 การจ่ายดอกเบี้ย ทุก ๆ 3 เดือน (1 มกราคม, 1 เมษายน, 1 กรกฎาคม และ 1 ตุลาคม) ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์(ประเทศไทย) จำกัด ที่ระดับ A+ (tha)

อันดับที่ 3 ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 TTCL ขายหุ้นเกลี้ยงพอร์ต

มิติหุ้น-บมจ. ทีทีซีแอล หรือ TTCL แจ้งว่าเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2561 บริษัท โตโย เอ็นจิเนียริ คอร์ปอเรชั่น (TEC) ได้ขายหุ้นทีทีซีแอลที่ถืออยู่ จํานวน 56,000,001 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท) โดย TEC ได้ทําข้อตกลงการขายหุ้นกับ Nomura International HK Limited ทั้งนี้ TEC ไม่สามารถระบุชื่อผู้ที่เข้าซื่อหุ้น TTCL ได้ แต่ได้รับทราบจาก Nomura International HK Limited ว่าผู้ซื่ออาจเป็ นนักลงทุนสถาบันที่เป็นที่ยอมรับ

อันดับที่ 4 GPSC ปี 2560 กำไรสุทธิ 3,175 ลบ. โต 18% ควัก 1,873 ลบ. จ่ายปันผล

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC โดยนายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 19,917 ล้านบาท คิดเป็นส่วนของกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,175 ล้านบาท หรือเพิ่มคิดเป็น 18% เมื่อเทียบกับปีเดียวกันของปีก่อนขณะเดียว กันบริษัทฯ ยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น จากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้า SPP ต่างๆ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2561 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบให้จ่ายปันผลประจำปี 2560 จากผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 1,873 ล้านบาท บริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 และสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 0.80 บาทต่อหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2561 โดยจะจ่ายเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 แล้ว

อันดับที่ 5 CBG ยอดส่งออกปี60 หรูกูรูให้เป้า 82.5 บาท

บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ประเมิน บมจ.คาราบาวกรุ๊ป หรือ CBG โดยคาดว่ากำไรใน 4Q60 จะอยู่ที่ 366 ล้านบาท (-6% QoQ, +53% YoY)การบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังลดลงประมาณ 2% ในช่วง 4Q60 (หรือประมาณ 1-2% ในปี 2560) ในขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทที่ลดลงเล็กน้อย จะเป็นปัจจัยที่กดดันการเติบโตของยอดขายในประเทศ ส่วนรายได้จากการส่งออกน่าจะยังโตได้ถึง 47% YoY ดังนั้น เราจึงคาดว่า ยอดขายรวมจะโต 3% QOQ และ 27% YoY ใน 4Q60 และ เติบโต 37% ในปี 2560 ทั้งนี้พัฒนาการของธุรกิจในอังกฤษอยู่ที่ยอดขาย/เดือนที่เพิ่มขึ้นจาก 0.37/0.87/1.4ล้านกระป๋องใน2Q60/3Q60/4Q60F แม้ว่ายอดขายจะเริ่มเพิ่มขึ้นบ้าง แต่หากเปรียบเทียบกับการเติบโตของค่าใช้จ่ายแล้ว ทำให้เห็นว่า CBG ต้องเพิ่มรายได้จากธุรกิจในอังกฤษกว่า 2 เท่าตัว Valuation & Action เมื่อนำประมาณการ 4Q60F จะทำให้ผลประกอบการปี 2560 ต่ำ กว่าประมาณการของเรา 6% และต่ำกว่า consensus 3% ดังนั้นบริษัทจะต้องทำยอดขายทั้งในจีนให้เพิ่มขึ้นอย่างมากเพื่อชดเชยผลขาดทุนจากธุรกิจในอังกฤษ จึงประเมินคร่าวๆ ว่า CBG ต้องเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ได้ประมาณ  2.5-3% เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุน ด้านราคาประเมินไว้ที่ 12 เดือนข้างหน้าที่ 82.50 บาท/หุ้น