BGC ก้าวเข้าสู่ไฮซีซันเต็มตัว มาร์จิ้น-ยอดขายกระฉูด (3/11/62)

166

มิติหุ้น – BGC ไตรมาส 4 ดีดตัวแรงรับไฮซีซั่นหนุนยอดขายและมาร์จิ้นพุ่งพรวด พร้อมข่าวดีปิดดีลโซลาร์ฟาร์มขนาด 99.216 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม ซึ่งคาดจะเสร็จสมบูรณ์ต้นปีหน้า ซุ่มแผน M&A หลายแห่งดันกำไรโตกระหึ่ม แนะ “ซื้อ” เคาะเป้าหมาย 15.30 บาท

ผู้สื่อข่าว มิติหุ้น รายงานว่า บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด แนะนำ  “ซื้อ” หุ้น บริษัท  บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) BGC ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท โดยปริมาณการขายเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/2562  จากเข้าสู่ช่วง high season ในการผลิตตามคำสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าจากการเข้าสู่ช่วงเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าในกลุ่มเบียร์ และ soft drink

โชว์ประสิทธิภาพการผลิต

อย่างไรก็ดีประสิทธิภาพการผลิต (Efficiency Rate) ปรับตัวดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/2562 ปรับตัวลดลงมาที่ 14.9% ลดลงจาก 16.2% ในไตรมาส 3/2561 แต่เพิ่มขึ้นจาก 13.8% เนื่องจากประสิทธิภาพการผลิตที่ลดลงจากการมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัทต้องมีการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและไลน์ผลิต สำหรับไตรมาส 4/2562 มีการผลิตสินค้าใหม่น้อยลงจากเฉลี่ย 7-11 ผลิตภัณฑ์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 5 ผลิตภัณฑ์และในเดือนธันวาคมไม่มีการผลิตสินค้าใหม่ ทำให้คาดประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มขึ้นจาก 85% มาที่ 86-87% ในช่วงที่เหลือของปี ดังนั้น จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ตลาดส่งออกยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 9% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งเติบโต 86%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทคาดจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10% ในปี 2562 และ 20% ในปี 2563 จากการขยายตลาด และลูกค้าต่อเนื่องจากปีนี้ที่เพิ่มออเดอร์

อีกทั้งบริษัทยังขยายเข้าสู่ธุรกิจที่มีมาริ์จิ้นสูงมากขึ้นโดยอยู่ระหว่างรอปิดดีลสำหรับโซลาร์ฟาร์มที่บริษัทเข้าซื้อ ขนาด 99.216 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม ซึ่งคาดจะเสร็จสมบูรณ์ภายในต้นปีหน้า และจะเข้ามาช่วยเพิ่มอัตรากำไรโดยรวมของบริษัท จากเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงกว่าธุรกิจบรรจุภัณฑ์ของบริษัท และมีแผน M&A เพิ่มเติม

มีมุมมองเชิงบวก

ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิของ BGC ในไตรมาส 4/2562 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้าจากการเข้าสู่ high season และคำสั่งซื้อจากลูกค้า สำหรับปี 2563 คาดการเติบโตกำไรจากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น โดยมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทน่าจะผ่านจุดที่ต่ำไปแล้ว

นอกจากนี้คาดอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นมาที่ 5.5% จาก 4.2% ในปี 2562 จากการลงทุนในธุรกิจโซลาร์ฟาร์มซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงกว่า โดยมองว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมาสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนตัวไปแล้ว ดังนั้นยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อัตราการใช้กำลังการผลิตและประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าที่ประเมิน และดีลของโซลาร์ฟาร์มไม่เป็นตามคาด

www.mitihoon.com