มิติหุ้น-CCP โชว์ผลประกอบการครึ่งแรกปี 2563 กวาดรายได้รวม 1,326 ล้านบาท กำไรสุทธิ 56.95 ล้านบาท โตกระฉูด 907% มองครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมคอนกรีตแนวโน้มดีต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape เพิ่มศักยภาพธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ ขยายฐานลูกค้าใหม่รับงานทั่วประเทศ หนุน Backlog แตะ 1,800 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,255 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 56.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 907%
ขณะที่ผลประกอบการครึ่งแรกปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมเฉพาะกิจการอยู่ที่ 849.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 767.46 ล้านบาท จำนวน 82.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11 % และมีกำไรสุทธิ 68.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21.75 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 215 %
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมเฉพาะกิจการ 389.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 365.25 ล้านบาท จำนวน 24.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7 % และมีกำไรสุทธิ 23.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 4.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 584 %
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 5 % จากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของโครงการภาครัฐและเอกชนสูงขึ้น และการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับกลุ่มรายได้จากการให้เช่าและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 29 % จากการให้เช่าและบริการรถขนส่งสินค้าประเภทคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) ปรับตัวดีขึ้นมาก
สำหรับความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มดี ปัจจัยสนับสนุนจากงานโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็ค โครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทยอยดำเนินงานก่อสร้าง และโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ สนามบินอู่ตะเภา รถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน งานถนนพัทยา-อู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด งานภาคเอกชน อาทิ นิคมอุตสาหกรรม
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจของ CCP ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มความสามารถในการทำกำไร และพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปร่วมกับลูกค้า เพื่อรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน เมกะโปรเจกต์ งานกรมทางหลวง และเดินหน้าติดตามโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งขยายฐานลูกค้า กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย โครงการขนาดกลาง-เล็ก ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Land Scape เพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูป กลุ่มบล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น ที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ขาดแคลนแรงงาน ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว
ด้านงานเอกชน มุ่งเน้นเข้ารับงานนิคมอุตสาหกรรม ที่ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมการเติบโตของกลุ่มผู้ประกอบการรับเหมา และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวค่อนข้างน้อย อีกทั้งธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) หลังจากที่ได้ปรับโมเดลธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ทั่วประเทศ ยอดขายปรับตัวดีขึ้นและความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ดังที่เห็นจากผลการดำเนินการช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% ซึ่งบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับไว้ไม่ต่ำกว่า 1.800 – 2,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้น Backlog ที่มีคุณภาพ คัดเลือกกลุ่มลูกค้าและโครงการที่มีกำลังซื้อเพื่อเพิ่มอัตรากำไร ขณะที่การเติบโตปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ประมาณ 2,600 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%
www.mitihoon.com