BRI ชูความเชี่ยวชาญพัฒนาบ้านจัดสรร วางกลยุทธ์มุ่งสู่เป้าหมายเป็นผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ

134

มิติหุ้น-‘บมจ.บริทาเนีย’ หรือ BRI ตอกย้ำความเชี่ยวชาญการพัฒนาบ้านจัดสรร วาง 5 กลยุทธ์หลัก ให้ความสำคัญกับทำเล ออกแบบโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นตลาดที่เป็น Blue Ocean ออกแบบและบริการภายใต้แนวคิด Human Centric และนำนวัตกรรมมาใช้ในการออกแบบโครงการ เพื่อมุ่งสู่ผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI
กล่าวว่า บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์หลัก 5 ส่วน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยในการพัฒนาโครงการใหม่นั้น บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการพิจารณาทำเลที่ตั้งเป็นอันดับแรก เนื่องจากโลเคชันถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาโครงการ

ดังนั้นการพัฒนาโครงการในช่วงที่ผ่านมา จึงมุ่งเน้นในทำเลพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีอัตราการเติบโตของประชากรสูง อยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน ใกล้ทางด่วนหรือถนนสายหลัก แวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมหรือเป็นพื้นที่พัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากเป็นแหล่งงานที่สำคัญซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดความต้องการด้านที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายทำเลพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ระยอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสงคราม อุดรธานี เป็นต้น

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการแต่ละแห่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อสร้างความโดดเด่นดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สะท้อนเอกลักษณ์และตัวตนของผู้อยู่อาศัย เช่น การนำสถาปัตยกรรมคลาสสิกมาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมในยุคปัจจุบัน มาปรับใช้กับการออกแบบโครงการเบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ
บางนา – พระราม 9 เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ Blue Ocean โดยขยายการพัฒนาโครงการในตลาดใหม่หรือทำเลใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในตลาดที่ยังมีการแข่งขันไม่รุนแรง และได้นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการออกแบบและบริการแก่ลูกค้า เพื่อสร้างความแตกต่างและประสบการณ์อยู่อาศัยที่ดีแก่ลูกบ้าน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถปิดการขายโครงการภายในระยะเวลาเฉลี่ย 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ กล่าวว่า กลยุทธ์ที่สำคัญอีกส่วนคือการออกแบบบ้านและบริการภายใต้แนวคิด ‘Human Centric’ ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยทำการศึกษา วิเคราะห์ความต้องการพื้นฐาน รวมถึงปัญหาต่างๆ ของผู้อยู่อาศัย (Customer Pain Point) เพื่อออกแบบบ้านและนำเสนอบริการที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันและตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทุกเพศทุกวัย (Universal Design) เช่น การออกแบบครัวไทยไว้ภายนอกบ้าน ออกแบบห้องนอนผู้สูงอายุไว้ที่ชั้น 1 เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนานวัตกรรมการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด B Genius Mode ได้แก่ 1) B Smart Design โดยให้ความสำคัญกับความต้องการที่แท้จริงของผู้อยู่อาศัย 2) B Smart Home Automation โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้บริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านผ่านโมบายแอปพลิเคชัน เช่น ระบบกลอนประตูดิจิทัล สัญญาณกันขโมยที่ประตูและหน้าต่าง ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว ติดตั้งกล้องวงจรปิดในบ้าน เป็นต้น 3) ระบบ B Smart Community โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ลูกบ้านและแขกที่มาเยี่ยมเยียนสามารถใช้งานได้ โดยสามารถจองใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางบางส่วนล่วงหน้าผ่านโมบายแอปพลิเคชันอีกด้วย และ 4) B Smart Home Services บริการที่มากกว่าการอยู่อาศัยแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เสมือนมีผู้ดูแลส่วนตัว เช่น บริการแม่บ้าน ช่างเทคนิค คนสวน เป็นต้น โดยสามารถจองหรือเรียกใช้บริการผ่านโมบายแอปพลิเคชัน โดยเชื่อว่าด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและนำบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในอนาคต

 

🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้

https://lin.ee/cXAf0Dp