ปลดล็อคต่างชาติซื้อบ้าน หุ้นอสังหาฯตัวไหน รับผลดี

1150

 

 

 

 

 

 

 

มิติหุ้น – ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ พบสัญญาณฟื้นตัวของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มดีขึ้นโดยมีตัวแปรมาจากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย รัฐบาลเปิดประเทศเต็มรูปแบบ รวมไปถึงมาตรการเปิดทางให้ต่างชาติศักยภาพสูง 4 กลุ่มเข้าซื้อบ้าน-ที่ดินในประเทศไทยเพื่อพำนักเป็นกรณีพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของรัฐบาล โดยให้สิทธิขอวีซ่าระยะยาว 10 ปี (LTR Visa) และกำหนดสิทธิให้แก่ต่างชาติทั้ง 4 กลุ่ม ซึ่งประกอบด้วย

– กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง

– กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ

– กลุ่มที่ต้องการทำงานในประเทศไทย

– กลุ่มผู้มีทักษะ เชี่ยวชาญพิเศษ

 

ทั้งนี้จำนวนพื้นที่ดินจะต้องไม่เกิน 1 ไร่ อยู่ในเขต กทม. – แหล่งท่องเที่ยว และไม่ใช่พื้นที่ในราชการทหาร ภายใต้เงื่อนไขลงทุนธุรกิจหรือกิจการในไทยไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี (เดิม 5 ปี) ในกิจการดังนี้ คือสังหา

1) การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย, ธปท. และ รัฐวิสาหกิจ

2)ลงทุนในกองรวมอสังหาฯ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน

3) ลงทุนใน REIT

4) ลงทุนในทุนเรือนหุ้นของนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และ

5) ลงทุนในกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศ

 

โดยจากบทวิเคราะห์สายงานวิจัย ของ บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS มองว่ามติครม.นี้จะเป็นการสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ เนื่องจากการเปิดประเทศ และการปลดล็อกให้คนต่างชาติสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น จะทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และขยายวงกว้างสู่อสังหาฯแนวราบเพิ่ม จากก่อนหน้านี้ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจคอนโดฯ เป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาประเด็นบวกดังกล่าว รวมกับเงื่อนไขที่กำหนดให้คนต่างชาติต้องมีการลงทุนไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการที่ได้ประโยชน์มากสุด คือ กลุ่มที่มีพอร์ตสินค้าระดับบน หรือกลุ่มที่มีอสังหาฯที่มีสัดส่วนราคาเกิน 20 ล้านบาทขึ้นไป ได้แก่ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC , บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH และ บมจ.บริษัท ศุภาลัย หรือ SPALI อีกทั้งยังมองว่าตลาดอสังหาฯ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ยังคงมี Sentiment เชิงบวกอยู่ และจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp