CGSI : Trend Spotter

14

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก โดย ดัชนี DJIA +0.7%, S&P500 +0.4% และ Nasdaq +0.3% หลังมีรายงานว่าปธน. ทรัมป์เตรียมยกเลิกข้อจำกัดด้านชิป AI ที่มีในสมัยอดีตปธน. ไบเดน สนับสนุนให้หุ้นอย่าง Nvidia ปรับตัวขึ้น (+3.1%) อย่างไรก็ตาม การซื้อขายระหว่างวันเป็นไปอย่างผันผวน จากการที่ทรัมป์กล่าวว่าจะไม่ลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพื่อเป็นเงื่อนไขในการเริ่มเจรจาทางการค้า

นอกจากนี้ แม้ว่าผลการประชุมที่ออกมาจะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามตลาดคาด แต่ Fed ได้ส่งสัญญาณว่าความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อเพิ่มสูงกำลังเพิ่มขึ้น สร้างความกังวลให้ตลาดว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของ Fed ที่ระดับ 2% นั้นจะยิ่งยากขึ้นไปอีก

โดย นายเจอโรม พาวว์เวล ประธาน Fed กล่าวว่า การขึ้นภาษีในระดับสูงที่มีการประกาศอยู่ในระดับปัจจุบัน อาจนำไปสู่การชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อในระยะยาวที่เพิ่มขึ้น และอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น

แม้ว่าทรัมป์จะยังคงแสดงความคิดเห็นที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากร แต่การเจรจาทางการค้าสหรัฐ-จีน ที่จะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ กอปรกับสัญญาณบวกจากนายเบสเซนท์ รวม. คลัง ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำ -0.9%

ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI -1.7% เผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังการเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่าน-สหรัฐส่งสัญญาณบรรลุข้อตกลง ขณะที่ความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันอ่อนตัวยังคงมีอยู่ หลัง EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันเบินซินเพิ่มขึ้น 1.88 แสนบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหว และ อาจพักฐานวันนี้ ในกรอบ 1,205-1,235 จุด เพื่อรอปัจจัยสนับสนุนใหม่ หลังปรับตัวขึ้นกว่า 32 จุดเมื่อวานตอบรับความหวังเจรจาการค้าของสหรัฐกับประเทศคู่ค้าคลี่คลายลงโดยเฉพาะจีนที่จะมีการพูดคุยในสุดสัปดาห์นี้, การเจรจาไทย-สหรัฐฯเรื่องการนำเข้า Alaska LNG ขณะที่ Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามตลาดคาด

ด้านเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากฟันด์โฟลด์ต่างชาติ แม้กระแสเงินทุนจะไหลกลับเข้ามา แต่เม็ดเงินยังคงเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มปลอดภัยอย่าง ICT, Healthcare สะท้อนมุมมองนักลงทุนที่ยังคงระมัดระวังต่อภาวะเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนปัจจัยต่างๆ อยู่ เราจึงยังคงแนะนำ Trading หุ้นกลุ่ม Defensive และ Selective Buy หุ้นตามปัจจัยเฉพาะตัว

สำหรับสถานการณ์อินเดีย-ปากีสถานที่เริ่มมีการยิงมิสไซล์-ปืนใหญ่ตอบโต้ข้ามพรมแดน ในแง่ตลาดหุ้นไทย เรามองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบ เนื่องจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยต่างชาติ อาทิ BH นั้น มีสัดส่วนจำนวนผู้ป่วยจากปากีสถานที่ไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ

และสำหรับกำไรบริษัทจดทะเบียน
SPRC : รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 714 ล้านบาท สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 80% /78% จากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันแข็งแกร่งกว่าที่คาด โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 340% qoq เนื่องมาจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันและ SG&A/ดอกเบี้ย ที่ลดลง ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเหลือ US$5.42/bbl (vs. US$6.72/bbl ใน 4Q24) เนื่องจากค่าการกลั่นพื้นฐานตลาดที่ลดลง

• หุ้นแนะนำ

BDMS
เราแนะนำ BDMS ที่เป็นหุ้นกลุ่ม Defensive โดยเราเชื่อว่า BDMS จะยังได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและน่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐไม่มากนัก นอกจากนี้ BDMS ยังมีการประเมินมูลค่าน่าสนใจ

(Take profit : 25.50 / Stop loss : 24.3)

KBANK
KBANK ประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษงวดผลการดำเนินงานปี 2024 อีกหุ้นละ 2.50 บาท (XD 15 พ.ค. 25 และกำหนดจ่ายปันผล 6 มิ.ย. 25) ส่งผลให้ทั้งปี 2024 จ่ายเงินปันผลที่ 12.00 บาท

(Take profit : 168.5 / Stop loss : 162.5)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon