มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 254 จุด (+0.6%) ตอบรับเชิงบวกกับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับ UK นอกจากนี้ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่าการเจรจากับจีนกำลังจะมีขึ้นในปลายสัปดาห์นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.8% ได้แรงหนุนจากความหวังว่าสหรัฐฯจะเจรจากันหนุนอุปสงค์
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.28 แสนรายต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.3 แสนราย แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่าคือการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับอังกฤษ โดยสหรัฐฯประกาศเก็บภาษีจากอังกฤษขั้นต่ำ 10% แต่แลกกับการลดภาษีนำเข้าเหล็กแลกกับการลดภาษียานยนต์ที่สหรัฐฯคิด 25% ให้อังกฤษเหลือ 10% สำหรับ 1 แสนคันแรก นอกจากนี้ยังมีการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯโดยไม่เสียภาษีพร้อมกับยกเลิกภาษีนำเข้าเอทานอลจากสหรัฐฯ ภาพรวมหลังจากเมื่อคืนนี้พบว่านักลงทุนเข้าสู่โหมดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk On) สะท้อนผ่าน US Bond Yield ปรับตัวขึ้น ราคาทองคำที่ปรับลงและตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้น แต่ตลาดหุ้นอังกฤษปรับลง แต่อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Dow Jones) เป็นลักษณะปรับขึ้นไปสูงแต่ปิดตัวลงมาต่ำอาจสะท้อนถึงว่านักลงทุนยังมิได้มั่นใจมากนัก หลังจากนี้รอติดตามการแถลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันเสาร์สัปดาห์นี้ หากมีการเจรจาที่ดีก็เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าจะตอบรับเชิงบวก คืนนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจทีต้องติดตามแต่มีการแถลงของประธาน FED ในหลายๆสาขาแนะรอติดตาม กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยแม้วานนี้จะมีข่าวเจรจากับอังกฤษ
ซึ่งข่าวออกตั้งแต่ช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย อย่างไรก็ตามคล้ายว่าตลาดหุ้นไทยมิได้ตอบรับเชิงบวกแต่อย่างใดและกลับมาปรับลง 1.1% เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานมิได้แข็งแกร่งและดัชนีก็กลับมา ณ ระดับก่อนที่ทรัมป์จะประกาศเรียกภาษีในอัตราที่สูงการจะไปต่อจึงจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยใหม่ๆที่มีนัยยะ แต่หากไปดูที่กำไรบริษัทจดทะเบียนจะพบว่า Bloomberg Consensus ปรับลงมาต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ 91.24 บาท / หุ้น จากจุดสูงสุดที่ 96 บาท / หุ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวต่ำอยู่ในช่วง 1 – 1.5% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เริ่มมีความเสี่ยงและอาจเห็นการปรับลดประมาณการช่วงถัดไป หรือต่อให้ไม่มีสงครามการค้าเศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวได้เพียง 2-3% และกำไรบริษัทจดทะเบียนก็มักเคลื่อนไหวในช่วง 90 – 100 บาท / หุ้น เป็นระยะเวลานาน นักลงทุนจึงไม่ควรมองบวกกับประเด็นเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศมากนัก และที่สำคัญกว่านั้นคือไทยยังไม่ได้เจรจาการค้ากับสหรัฐฯนับเป็นอีกปัจจัยเสี่ยง วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1180 – 1215 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะลดพอร์ตการลงทุนเช่นเดิมด้วยความเสี่ยงข้างหน้าจากที่รายงานไปในเบื้องต้น แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นสามารถเก็งกำไรได้จากการผ่อนคลายการค้าในพวกกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ปิโตรเคมี (PTTGC IVL) หุ้นที่มีรายได้ในอังกฤษ (CBG)
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 160.00 บาท)
แม้การเติบโตของกำไรในปี 2025 จะไม่โดดเด่น และมีความท้าทายเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายนอก เราชอบ BBL (1) งบดุลแข็งแกร่ง (2) Valuation ไม่แพงซื้อขายที่ 0.45x PBV’25E และ PE’25 ที่ 5.7 เท่า (3) ความสามารถในการเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ควบคุมค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจาก NIM ที่ลดลง และ (4) คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 6.3%
CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)
คาดเห็น Synergy benefits ทยอยรับรู้มากขึ้นในช่วง 2Q25 ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วงเดือนเม.ย. 2025 ของทั้ง Makro และ Lotus’s ยังคงทรงตัว YoY ถูกกดดันจากยอดขายเครื่องดื่มและยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลงตามสภาพอากาศ รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 2.6 พันล้านบาท (+7%YoY, -33%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและ BB consensus คาด หนุนจากยอดขายที่โต 3%YoY อัตรากำไรขั้นต้นรวมขยายตัว 10 bps YoY ค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงเล็กน้อย 10 bps YoY จากการค่าใช้จ่ายควบคุมที่ดี
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon