มิติหุ้น – ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีรายได้รวมอยู่ที่ 381.3 ล้านบาท และทำกำไรจากการลงทุนสุทธิ 140.3 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลงวดไตรมาสแรกที่ 0.1100 บาทต่อหน่วย รับยิลด์ 9.3% รักษาอัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ยสูง 92.7% รุกขยายพอร์ตสินทรัพย์ อยู่ระหว่างลงทุนเพิ่มในคอมมูนิตี้มอลล์ 2 แห่งบนทำเลศักยภาพ “ทีเท็น บาย วิลเลจ ฮับ” และ “วิลเลจ ฮับ สายไหม” คาดดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ หนุนเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในระยะยาว
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 (1 มกราคม 2568 – 31 มีนาคม 2568) ทำกำไรจากการลงทุนสุทธิ 140.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 139.1 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 381.3 ล้านบาท ลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่ทำได้ 400.4 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ยังสามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ให้อยู่ในระดับสูงที่ 92.7% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ ศูนย์การค้าภายใต้การบริหารจัดการของ ALLY ที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวมีอัตราการเติบโตที่ดี และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะโครงการแอมพาร์ค จุฬา ย่านบรรทัดทอง มีอัตราการเช่าเฉลี่ยสูงถึง 98% และโครงการกาดฝรั่ง วิลเลจ จังหวัดเชียงใหม่ มีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของการท่องเที่ยว ส่งผลให้อัตราการเช่าสูง และยอดขายของผู้เช่าก็ปรับสูงขึ้น ด้านโครงการในย่านชุมชน โครงการเดอะ ซีน ทาวน์อินทาวน์ มีดีมานด์จากกลุ่มชาวจีนส่งผลให้อัตราการเช่าสูงถึง 99% และโครงการเพลินนารี่ มอลล์ วัชรพล มีอัตราเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีความต้องการเช่าพื้นที่สูงต่อเนื่องตลอดปี 2568 โดยทั้ง 4 โครงการที่กล่าวมา สามารถทำรายได้จากการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 กองทรัสต์มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิประมาณ 164,556 ตารางเมตร และอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 585 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน นอกจากนี้ กองทรัสต์ มีอัตราต่อสัญญากับผู้เช่ารายเดิม (Renewal Rate) ถึง 92.1% และทำสัญญากับผู้เช่ารายใหม่อีกกว่า 20 ราย จากธุรกิจหลากหลาย เช่น ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม, ความสวยความงาม, เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน, การศึกษา เป็นต้น นอกจากนี้ พบว่าความต้องการเช่าพื้นที่ในคอมมูนิตี้มอลล์มีแนวโน้มสูงขึ้น สะท้อนจากไตรมาส 1/2568 กองทรัสต์สามารถปล่อยเช่าพื้นที่ใหม่เกินเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลัก จากกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งผู้ประกอบการได้วางแผนขยายธุรกิจเชิงรุก รวมถึงการมาของผู้ประกอบการรายใหม่จากจีนและผู้เล่นระดับพรีเมียม นอกจากนี้ พบว่าความต้องการของผู้เช่าในบางกลุ่มธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์มากขึ้น เนื่องจากค่าเช่าที่ต่ำกว่าศูนย์การค้า
ล่าสุด กองทรัสต์ ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากผลการดําเนินงานในไตรมาส 1/2568 ที่อัตรา 0.1100 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 96.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Yield) ในไตรมาสแรกอยู่ที่ 9.3% เมื่อเทียบกับราคาตลาดของหน่วยทรัสต์ ALLY ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 (4.72 บาทต่อหน่วย) โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 พฤษภาคมนี้ และกําหนดการวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ (Book Closing) เพื่อสิทธิในการรับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 พร้อมจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 25 มิถุนายน 2568
นายกวินทร์ กล่าวว่า ปี 2568 กองทรัสต์ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ด้วยเป้าหมาย INVESTING IN GREENER, HAPPIER COMMUNITIES ภายใต้ 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1.) Asset Management Strategy: พัฒนาและปรับปรุงสินทรัพย์ให้มีเอกลักษณ์และโดดเด่น เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งให้กับลูกค้า พร้อมคัดสรรผู้เช่าใหม่ที่มีความหลากหลากและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เช่น ร้าน Teenoi BBQ, ร้าน Shabu Baru, แบรนด์ชาจีน และ Kidzoona เป็นต้น 2.) Investment & Capital Strategy: สร้างการเติบโตของพอร์ตลงทุน โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าลงทุนทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูง 1-2 โครงการต่อปี รวมถึงการการปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และ 3.) ESG Strategy เดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ผ่านการ Reduce / Reuse / Recycle พร้อมออกแบบพื้นที่เพื่อเป็นศูนย์รวมของคนในชุมชน
ขณะเดียวกัน กองทรัสต์อยู่ระหว่างเข้าลงทุนสินทรัพย์เพิ่มเติมใน 2 โครงการ มูลค่ารวม 46 ล้านบาท ได้แก่ โครงการทีเท็น บาย วิลเลจ ฮับ บนทำเลศักยภาพย่านถนนติวานนท์ มูลค่าลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 16 ล้านบาท ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยเต็ม 100% และ โครงการวิลเลจ ฮับ สายไหม บนทำเลถนนสายไหม มูลค่าเข้าลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 30 ล้านบาท ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยกว่า 97% โดยทั้ง 2 โครงการนับเป็นสินทรัพย์บนทำเลมีศักยภาพ และตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะในตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กที่มีการขยายตัวตามแนวโน้มการเติบโตของที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วและกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ให้เติบโต เพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วย โดยประมาณการอัตราผลตอบแทน (Yield) ในปีแรกกว่าร้อยละ 10 ต่อโครงการ สะท้อนศักยภาพการเติบโตของตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ในยุคใหม่ที่ผู้บริโภคกำลังมองหาความสะดวกสบายและความสุขใกล้บ้าน คาดว่าจะเข้าลงทุนในสินทรัพย์ 2 โครงการแล้วเสร็จในช่วงเดือนสิงหาคม 2568
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon