CGSI : Trend Spotter

12

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 พ.ค.) โดยเป็นการปรับตัวขึ้นวันที่ห้าติดต่อกันของดัชนี S&P500 (+0.7%) ขณะเดียวกัน DJIA +0.8% และ Nasdaq +0.5%
ทั้งนี้ สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี S&P500 +5.3%, DJIA +3.4% และ Nasdaq +7.2%

แม้ว่าข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะออกมาอยู่ในระดับต่ำและ คาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 1 ปีข้างหน้าจะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7.3% (vs. 6.5% เดือนเม.ย.) แต่รายงานตัวเลข CPI และ PPI สหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาดประกอบกับการที่สหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ช่วยให้ตลาดคลายกังวลสงครามการค้าและผลกระทบเศรษฐกิจโลก

อีกทั้งยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI +1.4% จากความหวังอุปสงค์น้ำมันฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก แม้ว่าอุปทานน้ำมันจากอิหร่านและ OPEC+ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก็ตาม ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำจึงเผชิญกับแรงเทขาย -1.2%

เช้านี้ DJIA Futures ร่วงลงกว่า 200 จุด หลัง Moody’s Ratings ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐระยะยาวลงสู่ระดับ Aa1 (จาก Aaa) จากหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐและภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น

• SET Index :
เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,150-1,235 จุด แม้ว่าจะมีแรงสนับสนุนจาก Sentiment บวกเจรจาการค้า ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค (FTSE100 +0.6%, STOXX600 +0.4%)

อย่างไรก็ตาม เรามองว่า Upside ยังคงจำกัด เนื่องจากประเด็นการเมืองในประเทศที่กลับมากดดัน

สำหรับไทย ยังคงต้องติดตามความคืบหน้า หลังทรัมป์เตรียมส่งจดหมายแทนการเจรจาการค้า เพื่อแจ้งอัตราภาษีใหม่ไปยังประเทศที่ไม่ได้มีการพบเจอด้วย โดยอาจใช้เวลา 2-3 สัปดาห์

ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง

1) การเตรียมขยายคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการคุณสู้ เราช่วย และขยายระยะเวลาการสมัคร โดยคาดว่าจะนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีภายในมิ.ย. 2025 เรามองว่าคาดการณ์ผลประกอบการ 2025-2027 ของเราในกลุ่มธนาคาร ได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงจากประเด็นนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

2) โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2025 โดยรัฐช่วยจ่าย 50% เริ่มมิ.ย. เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวช่วงโลว์-ซีซั่น เรามองเป็นบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มท่องเที่ยวในไทยอย่าง Centel, ERW

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้ ติดตาม ตัวเลขส่งออกไทย เดือนเม.ย. และ GDP1Q25 ของไทย (19 พ.ค. 9.30 น.) ที่เราและ ตลาดคาดว่าจะขยายตัวลดลงมาที่ระดับ 2.3% / 3.0% yoy (vs. 4Q24 ที่ 3.2%) โดยเรามองว่าจะเป็นไตรมาสที่ GDP เติบโตดีที่สุด ทั้งนี้ เราคาดว่าทั้งปี 2025 GDP ไทยจะเติบโต 1.75% yoy สะท้อนถึงผลกระทบภาษีศุลกากรตอบโต้, แผ่นดินไหว และ ผลกระทบที่จำกัดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Digital Wallet และ Easy E-receipt)

ด้านปัจจัยต่างประเทศ ติดตาม
1) ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ยูโรโซน (19 พ.ค.) และอังกฤษ (21 พ.ค.)
2) ดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการเดือนพ.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. สหรัฐ (22 พ.ค.) และ
3) ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ (23 พ.ค.) รวมถึงจับตาความชัดเจนนโยบายภาษีสหรัฐ หลังร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของทรัมป์ไม่สามารถผ่านขั้นตอนสำคัญในสภาคองเกรส

• หุ้นแนะนำ
GULF : เราเชื่อว่าการเติบโตของกำไรสุทธิในปี FY25-27 จะได้แรงหนุนจากการถือหุ้นใน ADVANC และพอร์ตธุรกิจสาธารณูปโภคที่กระจายความเสี่ยง ขณะที่การอนุมัติขยายวงเงินหุ้นกู้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับ GULF ในการรีไฟแนนซ์หนี้และลงทุนในโครงการใหม่

(Take profit : 49.75 / Stop loss : 47.75)

ERW : เราเชื่อว่าโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2025 จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงแรมในประเทศอย่าง ERW ทั้งนี้ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตช่วง 3-5 ปีข้างหน้าของ ERW จากการขยายธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ (เช่น ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์)

(Take profit : 2.16 / Stop loss : 2.00)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon