มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายผันผวนและปรับตัวคละกัน โดย ดาวโจนส์ปิดที่ 42,427.74 จุด ลดลง 91.90 จุด หรือ -0.22% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,970.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด หรือ +0.01% และ Nasdaq ปิดที่ 19,460.49 จุด เพิ่มขึ้น 61.53 จุด หรือ +0.32% หลังสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการปรับตัวลงสู่ระดับ 49.9 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 51.6 ในเดือนเม.ย. รวมถึง การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ (ADP) เพิ่มขึ้นเพียง 37,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
ภาพดังกล่าวสะท้อนไปถึงสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง ทองคำ ซึ่งปิดบวก $22.10 รับดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ / แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และ ปธน.ทรัมป์แสดงความไม่พอใจอีกครั้งต่อพาวเวล และ เรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ
• SET Index : เรามองกรอบ SET Index Technical rebound กรอบสั้น 5-10 จุดก่อนซึมลง โดยมองกรอบ 1,130-1,145 จุด ทั้งปัจจัยต่างประเทศที่กดดัน และ ปัจจัยภายในประเทศ อาทิ
1) การที่ตลท.จะปรับเกณฑ์ Capped Weight จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ในดัชนี SET50/SET100 (มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค. 2025) ซึ่งปัจจุบัน DELTA มีน้ำหนักประมาณ 12%,
2) ประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย เราเชื่อว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้ โดยพรรคเพื่อไทยน่าจะทวงคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งอาจทำให้ยิ่งเกิดความขัดแย้ง
และ 3) ความอ่อนไหวจากประเด็นไทย-กัมพูชา
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ ติดตาม ข้อมูลเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. (5 มิ.ย.) โดย ตลาดคาดว่าดัชนี CPI จะหดตัว 0.83% yoy (vs. เดือนเม.ย. -0.22%) และ Core CPI ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.95% yoy (vs. เดือนเม.ย. 0.98%) ขณะที่เรามองว่าใน 2Q25-2H25 ไทยจะเผชิญภาวะเงินฝืด เนื่องจากฐานที่สูงและการปรับลดอัตราค่าไฟ
• หุ้นแนะนำ
GULF : GULF มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อย (<1% ของกำไรปกติในปี 2025) จากประเด็นเวียดนาม รวมทั้งมีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ, งบดุลแข็งแกร่งขึ้น, ความเป็นผู้นำตลาดและขยายธุรกิจสาธารณูปโภค และ LNG อย่างต่อเนื่อง
(Take profit : 45.00 / Stop loss : 43.50)
BJC : แม้ว่าปัจจัยลบในระยะสั้นจากการบริโภคที่ชะลอตัว, ยอดขายเครื่องปรับอากาศและเครื่องดื่มที่ลดลงและจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลงจะกดดัน SSSG ใน 2Q25 ของ BigC แต่เรายังคงคาดว่าบริษัทจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจาก การที่ลูกค้ารายใหญ่กลับมาสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์กระป๋องอลูมิเนียมเร็วกว่าคาด, การที่บริษัทไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนราว 130 ล้านบาทต่อปีหลังปิดกิจการ TSS, การรักษาวินัยด้านต้นทุนและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
(Take profit : 21.20 / Stop loss : 20.50)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon