มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ (DJIA -0.25%, S&P500 -0.53%, Nasdaq -0.83%) ถูกกดดันจากหุ้น Tesla (-14.26%) หลังเกิดความตึงเครียดระหว่าง Donald Trump และ Elon Musk เนื่องจาก Elon Musk ไม่พอใจในร่างกฎหมายภาษีที่ตัดเครดิตภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าออก รวมถึงการที่ Donald Trump ไม่ยอมแต่งตั้งผู้ที่ Elon Musk เสนอให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) หลังจากที่ Elon Musk ได้ช่วยเหลือ Donald Trump มาโดยตลอดในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2024
ข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่าง Donald Trump และ Xi Jinping ที่ได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์กันเป็นเวลา 90 นาที เมื่อวานนี้ โดย Donald Trump กล่าวว่าสหรัฐฯ และ จีน จะจัดประชุมเพื่อเจรจาการค้าในเร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้ได้ข้อสรุปที่ดีทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มเติม
คืนนี้ จับตา ตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non farm) เดือน พ.ค. ตลาดคาด เพิ่มขึ้น 126k ตำแหน่ง (เดือนก่อน 177k ตำแหน่ง) เพื่อประเมินแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ย FED
ด้านราคาน้ำมันดิบ (WTI) ปิดบวก 0.83% ขานรับข่าวความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ช่วยชดเชยความกังวลด้านอุปทาน และอุปสงค์ที่อ่อนตัว ในขณะที่ สัญญาทองคำ (COMEX) ปิดที่ US$3,375.1/Oz (-0.71%) จากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัย
• SET Index : เราคาดว่า SET Index ยังคงเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ Sideway 1,125-1,160 และไม่ควรหลุด 1,120 ในเชิง Technical
ตลาดยังคงขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น-กลาง หลังจากถูกกดดันจาก Capped weight 10% ของ DELTA ในต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
เราเชื่อว่า SET Index มี Valuation ที่ไม่แพงที่ 12x ของ 12m forward PE หลังจากการรีบาวน์ราว 7% จากการหยุดพักมาตรการภาษีตอบโต้ 90 วันแต่เรายังไม่เห็น sentiment บวกในระยะสั้นจากความขัดแย้งทางการเมือง โดยเราเชื่อว่าการตอบโต้ไปมาระหว่างสองพรรคทำให้รัฐบาลอาจไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ แม้ว่าจะมีเม็ดเงินใหม่จาก TESGX ราว 6 หมื่นล้านบาท และมีเม็ดเงินใหม่ราว 8 พันล้านบาท จากการประมาณการของเรา
หากอ้างอิงผลตอบแทนที่ผ่านมา SET Index ให้อัตราผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดต่างประเทศ หรือ MSCI Asia ทั้ง 1 เดือน, 3 เดือน และ 6 เดือน ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า SET ถูกกดดันจากปัจจัยภายในประเทศ อย่างประเด็นการเมือง, การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังล่าช้า และนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวจีนที่กดดันกลุ่มท่องเที่ยวประเทศไทย ในขณะที่ประเทศอื่นเผชิญเพียงปัจจัยภายนอก เช่น มาตรการภาษีนำเข้า
ดังนั้น กลยุทธ์ เราแนะนำ Selective buy เช่น Trading หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ Valuation ปรับตัวลงมาก (CENTEL SHR ERW), หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเฉพาะตัวที่มีการเติบโตของผู้ป่วยชาวต่างชาติแข็งแกร่ง (PR9 BDMS), Non bank รับอานิสงค์ดอกเบี้ยขาลง (MTC TIDLOR),กลุ่ม High yield (SCB KTB SIRI PTTEP) และกลุ่ม Retail บางตัวที่มี Outlook ดี (CPALL, BJC, MOSHI)
วันนี้จับตาเงินเฟ้อไทย เดือน พ.ค. ตลาดคาดดัชนี CPI หดตัว 0.83% yoy (vs. เดือนก่อน -0.22% yoy) และดัชนี Core CPI ตลาดคาดว่าขยายตัว 0.95% yoy (vs. เดือนก่อน 0.98% yoy) เราเชื่อว่าไทยจะเผชิญสภาวะเงินฝืดจากฐานที่สูงและการปรับลดค่าไฟ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยจาก ธปท.
• หุ้นแนะนำ
MTC : แนะนำ trading รับอานิสงค์ดอกเบี้ยขาลง โดยเรามองว่าไทยจะเผชิญสภาวะเงินฝืด 2Q25-2H25 เนื่องจากฐานที่สูงและการปรับลดอัตราค่าไฟ นอกจากนี้ผู้บริหารยังคงคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 15% ในปีนี้ และมี EPS แข็งแกร่ง 16.8-22.4% ในปี FY25-27F
(Take profit : 41.50 / Stop loss : 39.0)
SPALI : แนะนำ trading ระยะสั้น โดยเรามองว่า 1Q25 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดในปีนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต qoq ใน 2Q25 จากการโอนกรรมสิทธิ์และส่วนแบ่งกำไร และมี Dividend yield ราว 8.7%-10.5% ในปี FY25-27F
(Take profit : 15.8 / Stop loss : 13.4)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon