CGSI : Trend Spotter

12

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) โดยดัชนี DJIA -1.8% dod (-1.3% wow), S&P500 -1.1% dod (-0.4% wow), Nasdaq -1.3% dod (-0.6% wow) หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน และ เกิดการตอบโต้ทางการทหารตอบกลับกัน ส่งผลให้การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์รอบที่ 6 ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐ ที่มีกำหนดใน 15 มิ.ย. ถูกยกเลิก และเพิ่มแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจขยายตัวออกเป็นวงกว้างในช่วงที่สถานการณ์โลกตึงเครียดอยู่แล้ว ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ Fund Flow ไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำ (+1.5%)

ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น (Exxon +2.2%, Lockheed Martin +3.7%, RTX +3.3%) ตามราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น โดย ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 7.3% จากความกังวลว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะกระทบต่อการส่งออกน้ำมันและนำไปสู่ภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในตลาด

• SET Index : เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนบริเวณ 1,100-1,140 จุด ในลักษณะ Sideway-Sideway down

แม้ราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและพยุงตลาดไว้ได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดดังกล่าว ท่ามกลางความไม่แน่นอนการค้าโลก กลับกดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก (DJIA -1.8%, STOXX600 -0.9%, FTSE100 -0.4%) ซึ่งอาจส่งผลให้ Fund Flow ไหลไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาลแทน

ขณะเดียวกัน ปัจจัยในประเทศยังเผชิญแรงกดดันจากประเด็นเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศที่ส่งผลให้ต่อความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะ

1) สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้การประชุม JBC ระหว่างสองฝ่ายเมื่อ 14-15 มิ.ย. จะเสร็จสิ้นพร้อมมีการลงนามบันทึกการประชุมแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

2) ความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับครม. ที่ต้องจับตา เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าโครงการสำคัญของรัฐ ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยอ่อนตัว โดยเฉพาะหลังโครงการดิจิทัลวอลเล็ตถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดและยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่มาทดแทน

ทั้งนี้ เรามองว่าแม้จะมีแรงกดดันด้านลบทั้งจากปัจจัยในและนอกประเทศ แต่เรามองว่าดัชนี SET มีโอกาสย่อตัวลงมาไม่ลึกมากและยังสามารถยืนเหนือ 1,100 จุดได้ เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดได้ปรับฐานลงมาค่อนข้างมากพอสมควรแล้ว ประกอบกับ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ที่เริ่มมีแรงรีบาวด์

กลยุทธ์การลงทุน เราจึงแนะนำ
1) หุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบโลกที่พุ่งขึ้นและสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ยังมีแนวโน้มขยายเป็นวงกว้าง ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวอย่างสายการบิน อาจถูกดดันจากต้นทุนพลังงานเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น

2) หุ้นกลุ่ม Defensive และ High Yield Play

3) หุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง อาทิ หุ้นกลุ่มเดินเรือ หลังความเสี่ยงต่อเส้นทางเดินเรือโลกอย่างช่องแคบเฮอร์มุซ อาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น
หรือ หุ้นกลุ่มยางธรรมชาติ ที่ได้รับประโยชน์จากการที่ต้นทุนวัตถุดิบยางสังเคราะห์อย่างปิโตรเลียมสูงขึ้น รวมถึงเป็นการเก็งกำไรสินค้า Commodity

สัปดาห์นี้ จับตาการประชุมของธนาคารกลางทั้ง BOJ (17 มิ.ย.) และ FED – BOE (19 มิ.ย.) โดยประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC และคาดการณ์ Dot Plot ใหม่ของ Fed เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ระยะถัดไป โดยอ้างอิงจาก CME FedWatch ตลาดให้น้ำหนักว่า Fed จะยังมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ก่อนที่จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน (20 มิ.ย.) รวมถึงรายงานตัวเลขข้อมูลเงินเฟ้ออังกฤษและยูโรโซน (18 มิ.ย.) และดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (20 มิ.ย.)

• หุ้นแนะนำ
AOT : เราเชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะสะท้อนประเด็นลบไปพอสมควรแล้ว และ AOT ได้ชี้แจงว่าผลกระทบต่อรายได้จากสัมปทานอยู่ที่ราว 2.2-2.5 พันลบ. ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 4 พันลบ.

(Take profit : 31.75 / Stop loss : 28.75)

KTB : KTB เป็นธนาคารที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 ในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่อาศัยใน 1Q25 โดยธนาคารเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินเชื่อบ้านแลกเงินใน 1Q25 ซึ่งผู้บริหารธนาคารฯเชื่อว่าจะช่วยให้สินเชื่อกลุ่มนี้ขยายตัวต่อเนื่อง

ทั้งนี้ KTB เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มธนาคารของเราเพราะน่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงรวมทั้งมีคุณภาพสินทรัพย์ดีและงบดุลแข็งแกร่ง

(Take profit : 22.7 / Stop loss : 21.7)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon