มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 44 จุด (-0.1%) หลังจาก FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.3% นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจกระทบกับอุปทานน้ำมัน
เมื่อคืนที่ผ่านมาผลประชุม FED คงดอกเบี้ยตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจพบว่าปรับลด GDP 25 ลงมาเหลือขยายตัว 1.4% จากคาดการณ์เดิมที่ 1.7% และ 26 ปรับลงมาอยู่ที่ 1.6% จากเดิมที่ 1.8% ด้านอัตราการว่างงานเฉลี่ยปีนี้ที่ 4.5% ปรับขึ้นจาก 4.4% พร้อมกับปรับเงินเฟ้อ (PCE) ขึ้นเป็น 3%YoY จากเดิมที่ 2.7%YoY โดยที่ดอกเบี้ยปลายปี 25 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.9% (ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม) หรือบ่งชี้ว่าจะเกิดการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ซึ่งอาจแบ่งออกเป็นลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% (2 ครั้ง) CME FED Watch เชื่อว่า FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยในประชุมเดือน 9 และอีกครั้งในเดือน 12 ถ้อยแถลงจากท่านประธาน FED พบว่าในส่วนของการลดดอกเบี้ยนั้นอยากเห็นพัฒนาการของเงินเฟ้อที่มากกว่านี้ พร้อมยืนยันเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่งแต่ก็มีสัญญาณชะลอตัว การดำเนินนโยบายจากนี้ยังคงยึดหลักเน้นที่ข้อมูลเป็นหลัก โดยรวมไม่มีผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อสินทรัพย์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น ตลาดตราสารหนี้ Dollar Index และตลาดหุ้น สะท้อนว่าผลประชุม FED มิได้สร้างความประหลาดใจอะไรมากต่อตลาด ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญอาจมาจากในประเทศโดยเฉพาะปัจจัยการเมือง วานนี้ในโลก Online มีการกล่าวถึงกันค่อนข้างมากเกี่ยวกับคลิปเสียงและหลังจากนั้นในช่วงค่ำพรรคภูมิใจไทยก็ได้ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐมนตรีของภูมิใจไทยก็ได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี สำหรับพรรคภูมิใจไทยนั้นถือเสียง ส.ส. ราว 69 เสียง ทำให้ฝั่งรัฐบาลจะเหลือ ส.ส. ในทีมเพียง 249 เสียง (ตัวเลขประมาณการ) ทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆอาจเริ่มกระทำได้ยากมากขึ้นและหากจะพลักดันโครงการใหญ่ๆอย่าง Entertainment Complex ก็อาจเป็นไปได้ยาก
จากนี้ทางเลือกของรัฐบาลสามารถแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆแต่ให้จับตาพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือจะตัดสินใจถอนตัวตามภูมิใจไทยหรือไม่ หากถอนตัวตามจะยิ่งทำให้เสียงรัฐบาลหรือเสถียรภาพสั่นคลอนมากขึ้น หรือรัฐบาลอาจตัดสินใจยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจจะเผชิญกับแรงกดดันเชิงลบอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ขณะเดียวกันเมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกประจำเดือน พ.ค. ที่ 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1 ล้านล้านบาท) ขยายตัว 18% นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน (นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 22) และขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 หากไม่รวมสินค้าเกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยจะขยายตัวได้ 20%YoY กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าการชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯส่งผลให้การส่งออกเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ Digital ทำให้ความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น อาทิ คอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า โดยการส่งออกไทยเดือนล่าสุดขยายตัวได้ดีเป็นอันดับ 2 ในฝั่งอาเซียนเป็นรองเพียงไต้หวัน สินค้าที่ขยายตัวได้แก่ไก่สด (+9.3%YoY) อาหารทะเลกระป๋อง (+10%YoY) ผลไม้กระป๋อง (+25%YoY) เครื่องคอมพิวเตอร์ (+104%YoY) รถยนต์และอุปกรณ์ส่วนประกอบ (+15%YoY) วันนี้ประเมิน SET INDEX แกว่งในกรอบ 1070 – 1100 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเพราะยังเผชิญหลายความเสี่ยงแต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือก Trading ในหุ้นอิงต่างประเทศ อาทิ ส่งออก (TU ITC) หุ้นที่อิงรายได้ต่างประเทศ (MINT) กลุ่ม Defensive (BDMS)
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดการณ์รายได้ปี 2025 ที่เติบโตในอัตราลดลง (-2%) โดยใน 1Q25 ประกาศกำไรสุทธิที่ 4.3 พันล้านบาท (+7% YoY) ทรงตัวจากไตรมาสก่อน หนุนจาก 1) รายได้รับรู้จากโรงพยบาลและเตียงผู้ป่วยใหม่ และ 2) การเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มตะวันออกกลาง (+22% YoY) และ CLMV (+11% YoY) ขณะที่ใน 2Q25 เรามองว่าผลประกอบการจะเติบโต YoY แม้อ่อนตัว QoQ จาก 1) ปัจจัยฤดูกาล และ 2) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติชะลอตัวในเดือนเมษายน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบระยะสั้นจากเหตุแผ่นดินไหว ทั้งนี้ เราคาดสามารถชดเชยจากการฟื้นตัวในเดือนพฤษภาคม (+6% YoY)
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
รายงานกำไรปกติใน 1Q25 อยู่ที่ 50 ล้านบาท (-98% QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาด แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด 48% โดยพลิกกลับมากำไรจากที่ขาดทุนใน 1Q24 (ไตรมาสแรกถือเป็นช่วง Low season ตามปกติของยุโรป) ถึงแม้รายได้จากธุรกิจหลักจะอ่อนตัวอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท (-3% YoY, -12% QoQ) แต่ด้วยความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย และชำระหนี้ที่ดีขึ้น SG&A-to-sales ที่ 36% (-1 ppts YoY)
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon