มิติหุ้น – มูลค่าส่งออกสินค้าไทยเดือน พ.ค. 2025 ขยายตัว 18.4%YOY อยู่ที่ 31,044.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สูงกว่าที่ประเมินไว้ (SCB EIC ประเมิน 9.0% และค่ากลาง Reuter Poll 6.7%) และขยายตัวดี เร่งขึ้นจาก 10.2%ในเดือน เม.ย. ส่งผลให้ภาพรวมมูลค่าส่งออกไทยช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 14.9% ทั้งนี้ หากพิจารณาการส่งออกปรับฤดูกาลพบว่าขยายตัว 8.4%MOM_SA สะท้อนการเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า (รูปที่ 1 และ 2)
SCB EIC ประเมินส่งออกไทยเดือนนี้ยังได้อานิสงส์จากการเร่งส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แม้สหรัฐฯ เริ่มเก็บ Universal tariff 10% ขั้นต่ำเกือบทุกประเทศไปแล้วเมื่อวันที่ 9 เม.ย. และเก็บภาษีเฉพาะเจาะจงสินค้า (Specific tariff) ได้แก่ ยานยนต์ 25% และ เหล็กและอะลูมิเนียม 50% แต่ยังคงไม่ตั้งกำแพงภาษีในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนมากซึ่งส่งผลให้เกิดการเร่งส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปสหรัฐฯ ก่อนชุดกำแพงภาษีทั้งหมดจะเริ่มมีผลจริง
การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ในเดือนนี้ขยายตัวได้มากถึง 35.1% ต่อเนื่องจาก 23.8%YOY ในเดือนก่อน โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวสูงถึง 50.0% ขยายตัวเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 29.9% โดยการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบขยายตัวกว่า 88.3% นอกจากนี้ การส่งออกไปจีนและฮ่องกงก็ขยายตัวดีเช่นกัน 28.0% และ 45.2% ตามลำดับ ปัจจัยหนุนหลักมาจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่พุ่งสูงขึ้นมากที่ 217.8% (จีน) และ 70.9% (ฮ่องกง) โดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปสหรัฐฯ จีน และฮ่องกง คิดเป็น 67.4% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดของไทยในเดือน พ.ค.
ทองคำยังเป็นปัจจัยหนุนการส่งออกที่สำคัญในเดือนนี้ แต่แรงส่งประเด็นพิเศษทองคำที่เคยช่วยให้การส่งออกไทยโตดีในช่วงที่ผ่านมากลับลดลงมาก โดยการส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูปยังคงขยายตัวสูงมากถึง 57.1% แม้จะชะลอตัวลงจาก 256.0% ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากส่งออกไป กัมพูชา สปป. ลาว และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขยายตัวสูงที่ 136.4% 637.0% และ 100.0% ตามลำดับ (คิดเป็น 80.5% ของมูลค่าส่งออกทองคำฯ ไม่ขึ้นรูปทั้งหมดของไทย ในเดือน พ.ค.) ซึ่งอาจเป็นผลจากความต้องการทองคำในตลาดโลกเพื่อรองรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น รวมถึงปัจจัยราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นมาก
สำหรับแรงส่งประเด็นพิเศษจากการส่งออกสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าฯ ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่าเกือบทั้งหมดเป็นการส่งออกทองคำผสมแพลทินัมในสัดส่วนน้อยไปตลาดอินเดียเพื่อประโยชน์ทางภาษีของผู้นำเข้าอินเดีย[1] ปัจจัยพิเศษนี้
มีสัญญาณแผ่วลงชัดเจน มูลค่าส่งออกลดเหลือเพียง 64.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนก่อนหน้าและลดลงจากสูงสุดในเดือน ก.พ. ที่ 1,269.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (รูปที่ 4)
มูลค่านำเข้าสินค้าไทยขยายตัวสูง โดยเฉพาะจากจีนและไต้หวัน อย่างไรก็ดี ดุลการค้าไทยกลับมาขยายตัวได้หลังจากหดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน ตามส่งออกที่เร่งขึ้น
มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือน พ.ค. อยู่ที่ 29,928.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 18.0% สูงกว่าที่ประเมินไว้ (SCB EIC ประเมิน 13.1% และค่ากลาง Reuter Poll 13.1%) เร่งขึ้นจาก 16.1% ในเดือนก่อน ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ทั้งนี้ การนำเข้า (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวสูง 11.5% โดยสินค้าทุนเป็นกลุ่มสินค้าหลักที่ขยายตัวสูง ขยายตัวถึง 41.1% (โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีนและไต้หวันที่ขยายตัว 35.3% และ 61.7% ตามลำดับ) ในขณะที่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (รวมทองคำ) และ สินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 23.8% 19.3% และ 10.1% ตามลำดับ ขณะที่ สินค้าเชื้อเพลิงและอาวุธและยุทธปัจจัยหดตัว -11.8% และ -4.8% ตามลำดับ ดุลการค้าไทย (ระบบศุลกากร) ในเดือนนี้เกินดุล 1,116.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ในช่วง 5 เดือนของปี 2025 ดุลการค้าขาดดุลสะสม -1,123.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (รูปที่ 3)
SCB EIC มองส่งออกไทยจะชะลอลงและหดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี
SCB EIC ปรับประมาณการส่งออกไทยทั้งปีขึ้นเป็น -0.1% จาก -0.4% จากประมาณการครั้งก่อน โดยผลกระทบด้านการค้าระหว่างประเทศจะรุนแรงและชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เป็นต้นไป หลังจากที่หลายประเทศได้เร่งผลิตและส่งออกก่อนได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ทั้งนี้ SCB EIC มองว่า การเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าอาจยืดเยื้อไม่เสร็จสิ้นตามกำหนดเวลา ผนวกกับกระบวนการทางกฎหมายภายในของสหรัฐฯ ต่อประเด็นอำนาจของประธานาธิบดีในการใช้นโยบายภาษีนำเข้า จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้ายังอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ทั้งนี้หากพิจารณาสาเหตุการส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาขยายตัวดี ส่วนหนึ่งอาจเป็นจากปัจจัยชั่วคราว และมีความเสี่ยงที่ปัจจัยเหล่านี้จะทยอยหมดไปในช่วงที่เหลือของปี สะท้อนจาก รูปที่ 4 แสดงแหล่งที่มาของการขยายตัวส่งออกไทย 5 เดือนแรก (14.9%) และพบข้อสังเกตดังนี้
- การเร่งส่งออกสินค้าที่ยังไม่โดนภาษี : สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนมากยังคงไม่ถูกตั้งกำแพงภาษี ส่งผลให้เกิดการเร่งส่งออกสินค้าดังกล่าวไปสหรัฐฯ โดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มดังกล่าว เป็นแหล่งที่มาของการขยายตัว 5 เดือนแรกของไทยสูงถึง 5% จาก 14.9% อย่างไรก็ดีสินค้ากลุ่มนี้แนวโน้มชะลอลง จากความเสี่ยงต่อการโดน Specific Tariff ในระยะข้างหน้าและแรงหนุนการเร่งส่งออกที่จะแผ่วลง
- ปัจจัยส่งออกทองคำชั่วคราวไปอินเดีย : ปัจจัยหนุนส่งออกทองคำพิเศษจากอินเดียชั่วคราวผ่านช่องว่างทางกฎหมายประเทศอินเดียที่เริ่มเห็นผลช่วงท้ายปี 2024 เป็นแหล่งที่มาจากการขยายตัวของการส่งออกไทย 5 เดือนแรก 2% อย่างไรก็ตามปัจจัยหนุนดังกล่าวเริ่มหมดไปหลังจากอินเดียได้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายใหม่ในช่วงเดือน มี.ค. สะท้อนได้จาก (รูปที่ 5 ซ้าย)
- ปัจจัยฐานต่ำในช่วงไตรมาแรกของปี 2024 : มูลค่าการส่งออกของไทยไตรมาส 1 ขยายตัวสูงส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานที่ค่อนข้างต่ำในปีก่อนหน้า โดยส่งออกไทยไตรมาสแรกของปี 2024 หดตัว -0.6% ส่งผลให้เกิดแรงส่งในช่วงต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 มีปัจจัยฐานสูง โดย ไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ขยายตัว 5% และ 10.5% ตามลำดับ สะท้อนถึงผลบวกจากปัจจัยฐานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ที่จะลดลง (รูปที่ 5 ขวา)
- มูลค่าการส่งออกข้าวมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง : มูลค่าการส่งออกข้าวมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2025 เนื่องจากราคาข้าวมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากสต็อกข้าวโลกที่เพิ่มขึ้นและการยกเลิกนโยบายควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดีย นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกข้าวก็มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดโลกคืนให้อินเดียและความต้องการนำเข้าข้าว ของประเทศคู่ค้าปรับตัวลดลง
SCB EIC มองว่าในช่วงที่เหลือของปีการส่งออกไทยเผชิญความเสี่ยงด้านลบเพิ่มเติมจากปัจจัย
- นโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยอาจมีแนวโน้มใช้ Specific Tariff เพิ่มเติม โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสินค้าส่งออกของไทยส่วนมากมีแนวโน้มได้รับผลกระทบ โดย SCB EIC พบว่า หากดูข้อมูลสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ที่มูลค่าสูงสุด 20 อันดับแรก (77.2% ของส่งออกไทยไปสหรัฐฯ) 4 จาก 20 สินค้า (33.8% ของส่งออกไทยไปสหรัฐฯ; กลุ่ม EE) อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดนเก็บ Specific Tariffs, 3 จาก 20 (9.8% ของส่งออกไทยไปสหรัฐฯ; กลุ่มเหล็ก&รถยนต์) อยู่ในกลุ่มโดนเก็บ Specific tariffs แล้ว และ 14 จาก 20 สินค้ากระจุกตัวในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างสูง (มูลค่าส่งออกทั้งหมดของสินค้านั้นพึ่งพาตลาด สหรัฐฯ มากกว่า 20%) (รูปที่ 6)
- ความขัดแย้งอิสราเอลและอิหร่านที่หากบานปลายเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค หรือรุนแรงขึ้นจนช่องแคบฮอร์มุซถูกปิดลงอาจกระทบราคาพลังงานและทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทั่วโลก เพิ่มความเสี่ยงเงินเฟ้อและซ้ำเติมเศรษฐกิจโลกที่เผชิญผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมถึงทำให้การขนส่งได้รบผลกระทบ และการค้าโลกอาจชะลอลงไปมากขึ้น
[1] รัฐบาลอินเดียได้ปรับปรุงอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้าทองคำ เงิน แพลทินัม อัญมณี และเครื่องประดับในช่วงปี 2022 – 2024 ทำให้เกิดช่องว่างทางกฎหมายที่ผู้นำเข้าอินเดียหันมานำเข้าทองคำผสมแพลทินัมจากแทนซาเนีย แอฟริกาใต้ และไทยมากขึ้น ภายใต้เกณฑ์อัตราภาษีนำเข้า 0% ตาม Duty Free Tariff Preference (DFTP) Scheme by India for Least Developed Countries และความตกลงการค้าเสรี อาเซียน – อินเดีย ปัจจัยพิเศษนี้มีแนวโน้มสิ้นสุด เนื่องจากทางการอินเดียได้ทำการย้ายสินค้าโลหะผสมแพลตตินัมออกจากประเภทสินค้านำเข้าปลอดภาษีแล้วในต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon