ครึ่งปีหลังแผ่ว! SCB EIC ชี้ไทยเสี่ยงถดถอย เศรษฐกิจโตไม่ถึง 1%

20

ครึ่งปีหลังแผ่ว! SCB EIC ชี้ไทยเสี่ยงถดถอย เศรษฐกิจโตไม่ถึง 1%

นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะ “ถดถอยเชิงเทคนิค” ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยคาดว่า GDP จะขยายตัวต่ำกว่า 1% เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ

SCB EIC คงประมาณการ GDP ไทยปี 2568 ไว้ที่ 1.5% และปี 2569 ที่ 1.4% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยลบหลัก 3 ด้านที่ส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ดังนี้

  1. สงครามการค้า ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก คาดว่าการส่งออกทั้งปี 2568 จะหดตัว 0.1% และปี 2569 หดตัวเพิ่มเป็น 0.8%
  2. การท่องเที่ยวชะลอตัว ในช่วง 5 เดือนแรกของปี นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 3% SCB EIC จึงปรับลดเป้าทั้งปีเหลือ 34.2 ล้านคน จาก 35.5 ล้านคนในปี 2567
  3. ภาคการผลิตและการลงทุนภาคเอกชนซบเซา จากความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้ภาคเอกชนชะลอการลงทุน โดยคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนปีนี้จะหดตัว 2.2

นอกจากนี้ ไทยยังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น หนี้ครัวเรือนและหนี้ SMEs ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริโภค การผลิต และคุณภาพสินเชื่อที่ลดลง ทำให้ธนาคารต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยกู้

แม้ว่าหนี้ครัวเรือนจะเริ่มชะลอลง แต่รายได้ของครัวเรือนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยอยู่ที่ 98% ของระดับก่อนโควิด-19 ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ

ด้านแนวโน้ม เงินเฟ้อ SCB EIC มองว่า ยังคงติดลบต่อเนื่องจากราคาพลังงานที่ลดลงและกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว คาดว่าเงินเฟ้อจะปรับขึ้นในช่วงปลายปี แต่ยังคงต่ำกว่ากรอบเป้าหมายในปี 2569

จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว SCB EIC คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ เหลือ 1.25% และอีก 1 ครั้งในปีหน้า มาอยู่ที่ 1% ภายในสิ้นปี 2569

ส่วนนโยบายการคลังของรัฐบาลเตรียมใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 157,000 ล้านบาท แทนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บางส่วน แต่ยังไม่เพียงพอในภาพรวม โดยเฉพาะในช่วงที่หนี้สาธารณะมีแนวโน้มแตะระดับ 70% ของ GDP ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งหากไม่มีแผนหารายได้รองรับ อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางการคลังและเสี่ยงต่อการถูกลดอันดับเครดิตในอนาคต