CGSI : Trend Spotter

100

มิติหุ้น – ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานรายสัปดาห์ โดย DJIA (+0.08% dod, +0.02% wow), S&P500 (-0.22% dod, -0.15% wow) และ Nasdaq (-0.51% dod, +0.21% wow) ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ที่ยังยืดยื้อ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดกำลังรอท่าทีของสหรัฐฯ ว่าจะพิจารณาเข้าร่วมสงครามหรือไม่

ล่าสุด ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ สหรัฐฯ ได้ร่วมวงความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน ด้วยการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่ง ในอิหร่าน และได้กล่าวว่า กองทัพสหรัฐ ได้ปฏิบัติการ “ประสบความสำเร็จ” ทำให้ รัฐสภาอิหร่านมีมติเอกฉันท์ตัดสินใจปิดช่องแคบ Hormuz
โดยขณะนี้ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน สำหรับการปิดช่องแคบ Hormuz (เส้นทางหลัก คิดเป็นราว 20% ของเส้นทางผ่านของน้ำมันดิบโลก) เหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อคืนทำให้ เช้านี้ สัญญาน้ำมันดิบปิดบวก +2.3% และดัชนี Dow Junes Futures ปิดลบราว -110 จุด หรือ -0.27%

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวรายสัปดาห์ Sideway บริเวณ 1,050-1,090 จุด หลังรับรู้ปัจจัยลบไปมากพอสมควร อาทิ เสถียรภาพของรัฐบาล, ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา, สงครามอิสราเอล-อิหร่าน ที่ยังคงหนุนราคาน้ำมันดิบโลกให้อยู่ในระดับสูง และมาตรการภาษี Donald Trump ที่ไม่แน่นอน ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้า

อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์การเมืองล่าสุด หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากรัฐบาล และยังไม่มีพรรคอื่นถอนตัวตาม (มีเพียงการเจรจาเพิ่มเติมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล) เราเชื่อว่าพรรคอื่นจะไม่ถอนตัวตาม และทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งอาจช่วยลด Fund flow ที่ไหลออกจากนักลงทุนต่างชาติได้บางส่วน

ดังนั้น กลยุทธ์ในระยะสั้น-กลาง เรายังแนะนำ
1) Trading พลังงานต้นน้ำ (PTTEP) จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่เราแนะนำระมัดระวังกลุ่มโรงกลั่น (TOP SPRC BCP) เนื่องจาก Crack Spread ของโรงกลั่น ที่อาจจะเพิ่มขึ้น น่าจะถูกหักล้างด้วยต้นทุนราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ตลาดยังคงรอความเคลื่อนไหว คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดอิหร่านตัดสินใจ สำหรับการปิดช่องแคบ Hormuz อย่างไรก็ดี เราคิดว่ากรณีที่มีการปิดช่องแคบ จะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักของอิหร่าน

2) หาจังหวะทยอยสะสมกลุ่มอ้างอิงกำลังซื้อในประเทศ หลังจากตลาด Underweight มามากพอสมควร เช่น กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW), กลุ่ม Retail (CPALL MOSHI)

3) ระมัดระวัง กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจาก ความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา เช่น CBG (สัดส่วนกัมพูชาราว 60% สำหรับการส่งออก และ 28% สำหรับ Energy drink), และ TVO / GFPT/ BTG และ CPF ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 5%/ 4%/ 4%/ 3-4% จากกัมพูชา ในขณะที่ TU มีสัดส่วนรายได้เพียง 0.007%

สำหรับประเด็นอื่นๆ : ตลาดหลักทรัพย์ ประกาศมาตรการชั่วคราวเพื่อรองรับความผันผวน สำหรับวันที่ 23 มิ.ย.- 27 มิ.ย. 2025 ได้แก่ 1) ปรับ Ceiling/ Floor ลดลงครึ่งหนึ่ง เช่นหุ้นสามัญ จาก +-30% เหลือ +- 15% สำหรับ SET, mai และ TFEX เช่น Index future/ Options, Sector futures, Single stock Futures, 2) ปรับกรอบราคา Dynamic Price Band รายหลักทรัพย์ จาก +-10% เหลือ +-5% จากราคาซื้อขายล่าสุด

• หุ้นแนะนำ
MOSHI : เราคาดว่าอัตราการเติบโตสาขาเดิม ยังแข็งแกร่ง +17% ใน 2Q25F และยังเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตแข็งแก-ร่งจากการขยายสาขา โดย MOSHI ตั้งเป้าหมายขยาย 40 สาขา ทำให้สาขาทั้งหมดอยู่ที่ราว 204 สำหรับ 2025F (Take profit : 41.50 / Stop loss : 38.50)

PTTEP : เราแนะนำ Trading ในระยะสั้นสำหรับพลังงานต้นน้ำ จากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่ยังยืดเยื้อ นอกจากนี้ เราเชื่อว่ามี Dividend yield ที่น่าสนใจราว 9% สำหรับ FY25-27F (Take profit : 114.0 / Stop loss : 105.5)

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon