มิติหุ้น – Trend Spotter
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก โดย DJIA (+0.89%), S&P500 (+0.96%) และ Nasdaq (+0.94%) ได้แรงหนุนจากการกลับมุมมองของตลาดว่า ความขัดแข้งระหว่าง อิราเอล-อิหร่าน อาจจบลงเร็วๆนี้ หลังจากการประกาศของ Donald Trump ผ่าน Truth Social ว่า อิสราเอล-อิหร่าน ได้บรรลุข้อตกลงในการหยุดยิงโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ ตลาดไม่คาดว่าอิหร่านจะปิดช่องแคบ Hormuz
ภาพดังกล่าว ส่งผลให้ ราคาน้ำมันดิบ ปิดลบเช้านี้ลงมาอยู่ที่ US$66.3/bbl (-3.25%) ในขณะที่ดัชนี Dow Jones Future กลับมาปิดบวกเช้านี้ ราว 180 จุด (+0.42%)
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุน หลังจาก สมาชิกคณะกรรมผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวสนับสนุนให้ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมนโยบาย เดือน ก.ค. หากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี ตลาดรอถ้อยแถลงของ Jerome Powell ต่อคณะกรรมาธิการบริหารการเงินประจำสภาผู้แทนราษฏร (วันนี้) และกล่าวต่อคณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภา (วันพรุ่งนี้)
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหว Sideway up บริเวณ 1,055-1,080 จุด ลุ้น Technical rebound ในระยะสั้น กลุ่มอ้างอิงกำลังซื้อในประเทศ หลังจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดมีมุมมองว่า ความขัดแข้งอิสราเอล-อิหร่าน จะจบลงเร็วๆ นี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ ในระยะกลาง
1) ความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา แม้ว่า ณ ปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนที่มีสัดส่วนรายได้อย่างมีนัยยะในกัมพูชายังไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง จากข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา แต่ราคาหุ้นได้สะท้อนความกังวลดังกล่าวล่วงหน้าไปพอสมควร (กัมพูชาเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 11 ของประเทศไทย)
ดังนั้น หากสถานการณ์มีความตึงเครียดมากขึ้น จนทำให้ต้องปิดด่านสำคัญ (เช่น อรัญประเทศ จุดผ่านแดนไปกัมพูชาที่ใหญ่ที่สุด) หุ้นที่เราทำการศึกษา เราเชื่อว่า CBG จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ในราว 28% ของรายได้ใน FY25F มาจากยอดขาย Energy drink ในกัมพูชา ในขณะที่ BH และ MEGA น่าจะได้รับผลกระทบรองลงมา เนื่องจากสัดส่วนรายได้กัมพูชาราว 6% ในปี FY25F และกลุ่มอาหาร F&B มีสัดส่วนได้ราย 3.5-5% ได้แก่ TVO, BTG, GFPT, CPF ตามลำดับ
2) สำหรับการเมืองในประเทศ หลังจากตลาดรับรู้ความกังวลด้านเสถียรภาพรัฐบาล ณ ปัจจุบัน รัฐบาลยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ล่าสุด หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 7 พรรค ได้มีการประชุม และได้จัด “โควตาใหม่” ลงตัวเรียบร้อยแล้ว สำหรับการปรับครม. (โควตารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย 8 ตำแหน่ง) โดยการปรับ ครม. จะเสร็จสิ้นในสัปดาห์นี้ และเสนอรายชื่ออย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า (ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบประวัติ)
เราเชื่อว่า การกลับมาทำหน้าที่อย่างเต็มที่ของ รัฐบาล เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจ และ Entertainment Complex อาจจะช่วยลด Downside ตลาดหุ้นไทยได้เพิ่มเติม เนื่องจากเป็นปัจจัยหนุนตลาดในระยะกลาง
อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นการเมืองเพิ่มเติม เราแนะนำติดตาม ประเด็นคลิปเสียง ระหว่างนายกฯ-ฮุน เซน โดย ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมวาระพิเศษ (1 ก.ค. 2025) ตลาดคาดการณ์ว่า คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา อาจรวมกรณี นาย มงคลสุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิฉัย ความเป็นนายกรัฐมนตรีฯ ของนางสาว แพทองธาร ชินวัตร
• หุ้นแนะนำ
CPN : บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโต 5-7% yoy ในปี 2025F นอกจากนี้เราเชื่อว่ารายได้จากการให้บริการศูนย์การค้ายังแข็งแกร่ง (Take profit : 45.25 / Stop loss : 41.00)
CENTEL : แม้ว่าธุรกิจโรงแรมและอาหารจะมีผลประกอบการอ่อนตัวใน 2H25 จากเศรษฐกิจที่อ่อนตัว แต่ราคาน่าจะรับรู้ความกังวลเหล่านี้แล้ว โดยเราเชื่อว่ากำไรของบริษัทจะกลับมาฟื้นตัวใน FY26F (Take profit : 25.0 / Stop loss : 20.5)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon