มิติหุ้น – ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลงกว่า 150 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับสูงสุดที่ 3,451 ดอลลาร์ ซึ่งเคยแตะไว้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะปรับตัวกลับมาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 3,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับก่อนที่จะเกิดความตึงเครียดอย่างรุนแรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
สถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวเริ่มคลี่คลายลงภายหลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า อิสราเอลและอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และยังเปิดเผยว่าจะมีการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์รอบใหม่กับอิหร่านในอนาคตอันใกล้นี้ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ความกังวลในตลาดการเงินทั่วโลกลดลง ส่งผลให้ทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ถูกขายทำกำไรออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องติดตาม
ทรัมป์เร่งผ่านร่าง One Big Beautiful, Bill ก่อนวันชาติสหรัฐฯ
ทรัมป์กลับมาให้ความสำคัญกับร่างงบประมาณสหรัฐฯ ปี 2569 ในชื่อ “One Big Beautiful, Bill โดยล่าสุดทำเนียบขาววุฒิสภาลงมติเห็นชอบให้เดินหน้าพิจารณาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยคะแนน 51 ต่อ 49 เสียง เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ร่างกฎหมายมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ของทรัมป์มีเป้าหมายเพื่อลดภาษีของรัฐบาลกลาง เพิ่มงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานด้านความมั่นคงชายแดน ขณะที่หลายฝ่ายพยายามคัดค้านร่างกฏหมาย เนื่องจากกังวลว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะเพิ่มภาระหนี้ของรัฐบาลกลางจำนวนมหาศาล นอกจากนี้ บางส่วนยังไม่เห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณ Medicaid มากเกินไป โดยมองว่าอาจกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุขและประชาชนในวงกว้าง แม้จะมีแรงหนุนจากทำเนียบขาวและผู้นำพรรคระดับสูง รวมถึงนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีรายได้เงินปันผล-ดอกเบี้ย (มาตรา 899) จากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ในอัตราก้าวหน้า (Progressive tax) สูงสุดถึง 20% ซึ่งอาจส่งผลถึงการซื้อ-ขายใน Wall Street ถึงอย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังต้องฝ่าด่านความเห็นต่างจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ต่อไป ซึ่งทำให้การผลักดันยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาที่เหลือก่อนเปิดประชุมใหญ่ของสภา
ขณะที่ทรัมป์ต้องการให้สภาผ่านกฎหมายก่อนวันที่ 4 กรกฎาคม แต่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเผชิญเส้นตายสำคัญกว่านั้นในช่วงปลายฤดูร้อนนี้ คือ ต้องปรับเพดานหนี้ที่กำหนดไว้ มิฉะนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ที่สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ
มาตรการภาษีตอบโต้ 9 กรกฎาคมนี้ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ? ราคาทองคำจะได้รับผลกระทบอย่างไร
บริษัทฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้นโยบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตลาดจะตอบสนองต่อความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้ออาจเร่งตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจโลกในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งความเห็นที่ระบุว่า ทรัมป์อาจตัดสินใจเลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้ออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้หลายประเทศสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ได้ก่อน ซึ่งหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงได้เช่นกัน
ทั้งนี้ หากประเทศเศรษฐกิจสำคัญ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฯลฯ สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ ก็อาจส่งผลเชิงบวกต่อกลุ่มตลาดหุ้น และกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงได้ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในกรณีที่สหราชอาณาจักรสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ มาแล้วก่อนหน้านี้
ทรัมป์เตรียมจัดตั้ง “Shadow Fed” เพื่อกดดันพาวเวล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีวิพากษ์วิจารณ์นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น ล่าสุดในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แถลงแนวคิดในการจัดตั้ง “Shadow Fed” หรือ “ประธานเงาเฟด”
บุคคลในตำแหน่งนี้จะทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบอย่างไม่เป็นทางการหรือเป็นเสียงทางเลือกในเชิงนโยบายการเงิน ซึ่งแม้จะไม่มีอำนาจในทางกฎหมายหรืออำนาจอย่างเป็นทางการใด ๆ เหนือนโยบายของเฟด แต่แนวคิดนี้อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางความคาดหวังของตลาด และกลายเป็นประเด็นถกเถียงในที่สาธารณะ โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐควรทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระ ปราศจากแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง และควรพิจารณาการตัดสินใจตามผลประโยชน์ที่ดีที่สุดต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
2 สถาบันการเงินใหญ่คาด “เฟดไม่ลดดอกเบี้ย” หนุนดอลลาร์แข็งค่ากดดันราคาทอง
รายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า สถาบันการเงินรายใหญ่ระดับโลกหลายแห่งประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่ถึง 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูล Dot Plot ที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ และแถลงการณ์ล่าสุดของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ยังคงเน้นย้ำว่าเฟดจะไม่เร่งดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เฟดยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว ซึ่งนับว่าเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยจะรอประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีเส้นตายประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กรกฎาคม
ขณะที่ Bank of America และ Morgan Stanley คาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และสถาบันการเงินรายใหญ่อื่น ๆ เช่น JP Morgan, Goldman Sachs, Deutsche Bank และ Macquarie มองว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon