มิติหุ้น – 30 มิถุนายน 2568: วันนี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ร่วมกับ MIT ASEAN Initiative และหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AmCham) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Disaster Management Conference: Technology, Innovation, and Research for Effective Disaster Response and Prevention (การประชุมด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ: เทคโนโลยี นวัตกรรม และการวิจัย เพื่อการรับมือและป้องกันภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ) ณ วัน แบงค็อก ฟอรัม การประชุมครึ่งวันครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการหารือแบบเปิดเกี่ยวกับนโยบายการบริหารจัดการภัยพิบัติ เน้นย้ำความเชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ในการวิจัยและแนวปฏิบัติด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ ตลอดจนเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนสหรัฐฯ ที่ให้บริการด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ ได้พบปะพูดคุยกับผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ องค์กรนอกภาครัฐ และผู้นำทางความคิดในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค พร้อมด้วย ดร. สรภพ เกียรติพงษ์สาร ผู้อำนวยการ MIT ASEAN Initiative และคุณชาทิตย์ ห้วยหงส์ทอง ประธาน AmCham และประธานกรรมการบริหาร บริษัทเชฟรอนประเทศไทย ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน
ในคำกล่าวเปิดงาน เอกอัครราชทูตโกเดค เน้นย้ำถึงการช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในเวลาที่ไทยประสบกับความท้าทายต่าง ๆ อีกทั้งยังกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นการเหมาะสมแก่เวลา หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ที่ส่งผลกระทบต่อไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายใน 18 จังหวัด ท่านทูตกล่าวว่าสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนไทยโดยทันที โดยกองทัพสหรัฐฯ ได้ใช้อุปกรณ์ตรวจจับระยะไกลที่ล้ำสมัยเพื่อช่วยทีมค้นหาและกู้ภัยที่ฝ่ายไทยนำการปฏิบัติงาน ณ อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในเขตจตุจักร อุปกรณ์ดังกล่าวช่วยให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบจุดที่อาจมีผู้ประสบภัยได้ 70 จุดใต้ซากปรักหักพังของอาคาร อันเป็น “ความแตกต่างที่เห็นได้ซึ่งเทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้เกิดขึ้นในสถานการณ์จริง” เอกอัครราชทูตโกเดค เน้นย้ำความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยนักวิทยาศาสตร์กำลังปลดล็อกศักยภาพของ AI เพื่อสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ภัยพิบัติ พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ตลอดจนหาทางออกในการบรรเทาภัยพิบัติ นอกจากนี้ ท่านทูตยังเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของการเตรียมความพร้อมผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การฝึกคอบร้าโกลด์ประจำปี ซึ่งมี 30 ประเทศเข้าร่วมการฝึก และตลอด 20 ปีที่ผ่านมา มีการฝึกต่าง ๆ เช่น การฝึกอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ขัดแย้ง เพื่อรับมือกับภัยพิบัติและวิกฤตที่คุกคามชีวิตเป็นการเฉพาะ ท่านทูตกล่าวทิ้งท้าย โดยอ้างคำกล่าวของเบนจามิน แฟรงคลิน ที่ว่า “การไม่เตรียมพร้อมคือการเตรียมตัวที่จะล้มเหลว” ซึ่งเน้นย้ำความพยายามร่วมกันในการสร้าง “อนาคตที่แข็งแกร่งขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมังคั่งยิ่งขึ้น” สำหรับทุกคน
เป้าหมายหลักของการประชุมคือการส่งเสริมเทคโนโลยี นวัตกรรม และการวิจัยที่ล้ำสมัยของสหรัฐฯ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการบริหารจัดการภัยพิบัติ การประชุมมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและแนวโน้มในปัจจุบันในการบริหารจัดการภัยพิบัติ เพื่อใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) สำหรับการสร้างแบบจำลองคาดการณ์ภัยพิบัติ, การตรวจจับระยะไกลและการติดตามผ่านดาวเทียม, หุ่นยนต์และเทคโนโลยี AR (Augmented Reality), การทำแผนที่สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และบล็อกเชนสำหรับการกระจายความช่วยเหลือ
วาระการประชุมประกอบไปด้วยการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อต่าง ๆ ในโอกาสนี้ ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้นำเสนอกรณีตัวอย่างการบริหารจัดการภัยพิบัติของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่านจากมหาวิทยาลัย MIT มาร่วมบรรยายด้วย
- การบรรยายในหัวข้อ “Risk Reduction through Technology and Design” โดย ศ. Miho Mazereeuw ผู้อำนวยการ MIT Climate Mission และผู้อำนวยการ Urban Risk Lab ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากการออกแบบและเทคโนโลยีเพื่อช่วยรับมือกับความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วม พายุหมุน ภาวะเครียดจากความร้อน และภัยพิบัติแผ่นดินไหว ได้อย่างไร ศ. Miho นำทีม Urban Risk Lab ซึ่งมีส่วนร่วมในการวิจัยเชิงปฏิบัติผ่านการทำงานภาคสนามและการจัดเวิร์กช็อปกับชุมชน เพื่อปลูกฝังการเตรียมความพร้อมในโลกที่เขตเมืองขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ศ. Miho ยังมีผลงานหนังสือ “Design Before Disaster: Japan’s Culture of Preparedness” ที่คาดว่าจะตีพิมพ์ปลายปี 2568
- ดร. Sai Ravela นักวิจัยหลักจากภาควิชา Earth, Atmospheric, and Planetary Sciences (EAPS) ของ MIT กล่าวขณะบรรยายในหัวข้อ “Emerging MIT Tech Frontiers of Risk-based Resilience to Extremes in a Changing Climate” ถึงนวัตกรรมในการจำลองและอัลกอริทึมเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการทำแผนที่จาก AI เพื่อทราบข้อมูลโอกาสและความเสี่ยงในการเกิดภัยพิบัติ ดร. Sai นำทีม Earth Signals and Systems Group และศูนย์วิจัยของเขา ในการใช้การคำนวนและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาด้านความยั่งยืน รวมถึงความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงเป็นพิเศษ ดร. Sai เป็นที่ยอมรับจากผลงานในการประเมินปริมาณความเสี่ยงชายฝั่ง และเป็นผู้ริเริ่ม Co-Active Systems Theory เพื่อใช้การสร้างแบบจำลอง ข้อมูล และความเข้าใจของมนุษย์ เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
ในการประชุมครั้งนี้ ยังมีการอภิปรายแบบกลุ่มจากภาคอุตสาหกรรม 2 เซลชัน โดยตัวแทนจาก One Bangkok, Honeywell, SCG, McKinsey & Co. และ Western Digital
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon