ในสภาวะวอลุ่มซื้อขายที่เบาบาง บางวันเหลือราว 2.5 หมื่นลบ.เท่านั้น ส่วนวอลุ่มเฉลี่ยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาต่ำกว่า 4 หมื่นลบ./วัน ซึ่งตรงนี้สะท้อนว่านักลงทุนบุคคลทั่วไปน่าจะไม่เทรดแล้วเพราะติดหุ้นอยู่ โดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาลงทุนช่วงโควิด หรือราว 4-5 ปี ก่อน (ดัชนีช่วงนั้นยืนเหนือ 1,600 จุด) ดัชนีหายไปกว่า 500 จุด
และคงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะเริ่มกระทบกับธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบรรดาบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ที่มีอยู่ในปัจจุบันราว 35 แห่ง ก็กำลังจะไปไม่รอด เฉพาะเท่าที่ประเมินต้นทุนเฉลี่ยที่ทำให้ธุรกิจค้าหลักทรัพย์อยู่ได้ไม่ควรจะต่ำกว่า 5 หมื่นลบ. จึงเริ่มมีเสียงสะท้อนจากบรรดาบริษัทสมาชิกโบรกเกอร์ที่เรียกร้องและอยากให้ทางการทั้งหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ที่นอกจากนี้มีหน้าที่ในการตรวจความเรียบร้อยแล้ว ก.ล.ต.ยังมีรายได้ค่าฟี จากบรรดาสมาชิกโบรกเกอร์ที่มีการออกสินค้าต่างๆ อาทิ DW (ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์), DR ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ และสินค้าอนุพันธ์ ต่างๆ เหล่านี้เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ซึ่งยังรวมไปถึงค่าฟีการซื้อขายหลักทรัพย์ในสภาวะที่วอลุ่มตลาดเบาบางเช่นนี้ด้วย
อาทิเช่น เก็บค่าฟีซื้อขายร้อยละ 0.007 อาจจะพิจารณาลดชั่วคราวเหลือร้อยละ 0.005 เป็นต้นส่วนที่ลดก็เพื่อช่วยเหลือสมาชิกด้วยกัน ในสภาวะวอลุ่มซบเซาและเบาบาง หรือแม้แต่ค่าฟีการออก DW ซึ่งเฉลี่ยค่าฟีอยู่ที่ 50,000-100,000 บ.ต่อ 1 ซีรีย์ DW ในขณะที่บางครั้งโบรกเกอร์ก็จะต้องทำหน้าที่เป็นมาร์เก็ตเมกเกอร์ด้วย รวมถึงค่าฝากหุ้นก็ยังเก็บกับสมาชิกที่ราคาแพงๆ เป็นต้น
ซึ่งผลกระทบก็สะท้อนออกมาให้เห็นกันทนโท่อยู่แล้วเกินครึ่งที่ บริษัทหลักทรัพย์ยังขาดทุนกันอยู่และตัวที่ฉุดผลงานให้ติดลบก็คือธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์นี่แหละ!!!!
เสียงเรียกร้องเหล่านี้เท่าที่ดูแล้วก็เป็นเสียงเตือนที่ดีเสียด้วยซ้ำว่า ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรหันมาดูกันก่อนที่จะสายเกินแก้ ดังนั้นผู้ที่กินค่าฟีจากสมาชิกก็ควรตระหนักว่าได้ค่าฟีไปแล้วจะทำอะไรเพื่อเอื้อกับสมาชิกให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นหรือไม่ หรือสักแต่ว่าต้องทำตามหน้าที่ตามกฎเกณฑ์และกฎหมายสมาชิกจะต้องจ่ายอยู่แล้วทางการไม่จำเป็นจะต้องลงมาช่วยดูความเดือดร้อนเลยก็ดูจะ “แล้งน้ำใจ” ไปหน่อย…อย่าทำแบบวัวหายล้อมครอกเลย เวลานี้ชั่วโมงนี้..ควรเงี้ยหูฟังกันให้มากๆจะดีกว่า..เพราะสถานการณ์ตอนนี้…ต้องช่วยๆกันเถอะ!!! ซึ่งหากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยกันความเชื่อมั่นสุดท้ายก็จะกลับมาอย่างแน่นอน
สุดท้ายอีกเสียงเตือนจากกูรูในแวดวงโบรกเกอร์ยังฝากบอกเตือนสมาชิกด้วยกัน…อีกว่า…ธุรกิจหลักทรัพย์ทุกวันนี้แข่งขันกันแบบไม่สร้างสรรค์ การแข่งกันลดค่านายหน้าให้กับลูกค้าจนต่ำกว่าตนทุนตัวเองมันไม่สมควรอย่างยิ่ง ….สุดท้ายก็ไม่มีใครชนะ!!!…. หืดขึ้นคอทุกราย….. ควรดูตัวอย่างธุรกิจธนาคารพาณิชย์ มีใครแข่งกันลดดอกเบี้ยเงินกู้บ้างใหม่?…..ไม่มี ฝากทางสมาคมโบรกเกอร์….ทำอะไรกันอยู่????? สุดท้ายทางออกระยะสั้นก็จะได้เห็นโบรกคงจะต้องมีการควบรวมกันอีกครั้ง…แต่ไม่ได้แก้ปัญหา 1+1 ผลที่ออกมาต่ำกว่า 2 ไม่เกิดประโยชน์เพราะไม่ได้แก้ปัญหา
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon