
มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 436 จุด (-0.98%) หลังจากที่สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อ (CPI) มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม Nasdaq ปิดทำ New High จากหุ้น NVIDIA ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.7% หลังจากทรัมป์ประกาศให้เวลากับรัสเซีย 50 วันในการยุติสงครามในยูเครน นับเป็นการส่งสัญญาณหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรรัสเซีย ช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลกับอุปทาน
เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 1 ม.ค. – 13 ก.ค. สะสมที่ 17.75 ล้านคน (-5.6%YoY) แต่หากพิจารณารายสัปดาห์จะพบว่าอยู่ที่ 5.7 แสนราย (+0.3%WoW) โดยที่นักท่องเที่ยวขยายตัวเล็กน้อย (+3%WoW) มาเลเซีย (+0.5%WoW) อินเดีย (+5.2%WoW) อย่างไรก็ตามโดยรวมยังมิได้เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ ในขณะที่หลายๆแหล่งข่าวระบุพร้อมกันว่าการพิจารณาผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ถูกเลื่อนออกไป ซึ่งอาจเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าแทน ส่วนต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อ (CPI) พบว่าขยายตัว 2.7%YoY มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.6%YoY รายละเอียดภายในพบว่าเห็นการขยายตัวในหลายๆสินค้าประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัย (+3.8%YoY) ค่าขนส่ง (+3.4%YoY) การแพทย์ (+3.4%YoY) หากไม่รวมราคาสินค้าที่ผันผวนอย่างน้ำมันและอาหารก็จะพบว่าเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 2.9%YoY เร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ 2.8%YoY กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้การเร่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน Trump ได้ประกาศข้อตกลงกันการค้าอินโดนิเซียหลังจากได้พูดคุยกับประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย โดยทางอินโดนิเซียระบุว่าจะเพิ่มการนำเข้าพลังงานสหรัฐฯ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมไปถึงสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เครื่องบิน Boeing ส่วนสินค้าส่งออกจากสหรัฐฯไปยังอินโดนิเซียจะปลอดภาษี (Tariff 0%) แต่หากมีการส่งสินค้าจากประเทศที่มีภาษีนำเข้าสูงกว่าภาษีดังกล่าวจะถูกบวกเพิ่มเข้าไป ทั้งหมดแลกกับการที่สหรัฐฯ จะคิดภาษีนำเข้าจากอินโดนิเซียเพียง 19% (ต่ำกว่าเวียดนามเล็กน้อยที่ 20%)
จากนี้ รอดูทีม Thailand ในการเจรจากับสหรัฐฯ หากไม่สามารถลดอัตราภาษีนำเข้ามาอยู่ในช่วง 20-25% จะถือว่าไทยอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง คืนนี้รอติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.2%MoM
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1150 – 1170 น่าจะเข้าสู่ช่วงพักฐานหลังปรับขึ้นมา 9.2% จากจุดต่ำสุดประกอบกับไร้ปัจจัยบวก เชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือกทำกำไรบางส่วน ในเชิงพื้นฐานยังไม่เห็นปัจจัยหนุนใดๆประเมินตลาดขึ้นมาด้วยเชิงจิตวิทยา อย่างไรก็ตามหากรับความเสี่ยงได้สูงอาจเลือก Trading ในหุ้น MTC, SAWAD, TIDLOR, CPN, CPALL, CRC
ICHI (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท)
ปัจจุบันซื้อขายเพียง 10.9xPE’25E เทียบกับ ROE > 20% นอกจากนี้บริษัทมีสถานะเงินสดสุทธิสามารถจ่ายผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูด 10%-11% ในปี 2025-26 ขณะที่แนวโน้มยอดขายชาเขียวออกจากร้านค้าปลายทางยังประคองตัวได้ ลดลงบ้างตามสภาพอากาศ ยอดขายน้ำด่าง PH+ ยังโตดีต่อเนื่อง รับลูกค้า OEM ดึงอัตราการใช้กำลังการผลิตดีขึ้น
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท)
ด้วย Valuation ที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว 14xPE’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต พร้อมด้วยผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังระดับ 3% โดยเราคาดรายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.7 พันล้านบาท (+8%YoY, -11%QoQ) หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 20 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 จะชะลอตัวเล็กน้อย YoY ที่ 0.5% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 10 bps YoY เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2H25 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้า Ready-to-eat และ Ready-to-drinks และ Synergy benefits ของ CPAXT แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon