มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 179 จุด (+0.4%) ส่วน S&P500 ขยับขึ้นเล็กน้อยทั้งนี้นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับผลประกอบการที่ทยอยประกาศ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.9% ท่ามกลางความคาดหวังที่ลดน้อยลงเกี่ยวกับการบรรลุการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ EU ซึ่งอาจกดดันอุปสงค์
เมื่อคืนที่ผ่านมาฝั่งสหรัฐฯ มิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญประกาศออกมา ทำให้การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆค่อนข้างทรงตัวไม่ว่าจะเป็น Bond Yield , ตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงปรับขึ้น ปัจจัยหนุนหลักจากการอ่อนค่าของ Dollar Index ส่วนความคืบหน้าเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศพบข้อมูลล่าสุดคือ Trump ได้ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับทางฟิลิปปินส์โดยฟิลิปปินส์จะยอมให้สินค้านำเข้าจากสหรัฐ ปลอดภาษี แลกกับการที่สหรัฐฯ จะคิดภาษีนำเข้าจากฟิลิปปินส์ในอัตรา 19% นอกจากนี้ยังพร้อมจะร่วมมือกันทางทหารและล่าสุดเช้านี้ได้ประกาศข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่กับญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศให้ค้าขายรวมถึงรถยนต์และรถบรรทุก โดยญี่ปุ่นจะยอมจ่ายภาษีอัตรา 15% ให้กับสหรัฐฯ ส่วนประเทศไทยยังคงรอความคืบหน้า ข้อมูลล่าสุดระบุว่าในวันนี้จะทำการยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้สหรัฐฯพิจารณา ทางรัฐมนตรีคลังเชื่อว่าไทยจะได้ปรับลดภาษีจากระดับ 36% มาอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับภูมิภาค สำหรับผลประชุมครม.วานนี้ พบว่าได้แต่งตั้งคุณวิทัยขึ้นดำรงค์ตำแหน่งผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย
โดยจะเริ่มทำงานในช่วง 1 ต.ค. จากการให้ข้อมูลช่วงที่ผ่านมาของคุณวิทัย มักเสนอแนวคิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยควรทำงานควบคู่กับหลายๆ หน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพาณิชย์ พร้อมกับนโยบายเน้นแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนึ่งในนั้นคือการลดดอกเบี้ยเงินกู้เน้นการตัดเงินต้นมากขึ้น แม้การลดดอกเบี้ยที่คุณวิทัยมักหยิบยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในมาตรการ ซึ่งอาจเป็นบวกกับกลุ่มการเงิน แต่อย่างไรก็ตามในอีกนัยยะหนึ่งอาจเห็นการเข้าไปควบคุมมากขึ้นเกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้ของกลุ่ม Non Bank อนึ่งราคาหุ้นในกลุ่ม Non Bank ก็ปรับขึ้นมา 11% จากจุดต่ำสุดนับว่า Price In ไปบ้าง จึงอาจไม่ถึงกับบวกกับหุ้น Non Bank มากเท่าใดนัก แต่หากหนี้ครัวเรือนแก้ปัญหาได้สำเร็จมองกลุ่มอิงการบริโภครับประโยชน์ CPALL BJC CRC HMPRO รวมไปถึงอสังหา AP SPALI นอกจากนี้ด้วยนโยบายการเงินอาจผ่อนคลายมากขึ้นจะหนุนให้บาทอ่อนค่า ซึ่งบวกกับกลุ่มส่งออก (ITC TU) ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ที่ 4 ล้านหลังคาเรือน วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1180 – 1200 อาจเห็นการฟื้นตัวระยะสั้นบ้างจากวานนี้ปรับฐานลงมาแต่ก็ยังเชื่อว่า Upside จำกัด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเป็นเพียงการ Trading ระยะสั้นและยังไม่แนะนักลงทุนระยะกลางสะสม หุ้นแนะนำระยะสั้นได้แก่กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS) ธนาคารที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะ (SCB) กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) อสังหาฯ (AP SPALI)
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 137.00 บาท)
กำไรสุทธิใน 2Q25 ออกมาแข็งแกร่งที่ 12.8 พันลบ. (+27.7% YoY, +2.3% QoQ) ด้านงบดุลแข็งแกร่ง NPL ratio ลดลงที่ 3.3% และ Coverage ratio เพิ่มเป็น 158.7% กลยุทธ์ใน 2H25 เน้นดูแลคุณภาพสินเชื่อ และควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อลด Cost to income ratio (CIR) ชดเชยผลกระทบจากสินเชื่อที่ชะลอตัว
CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 22.00 บาท)
Valuationน่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายเพียง 12xPE’25E แม้ว่าระยะสั้น เราคาดกำไรปกติงวด 2Q25 ที่ 1.59 พันล้านบาท (-2%YoY, -36%QoQ) ผลจากการลดลงของยอดขายสาขาเดิมราว 5% YoY ขณะที่แนวโน้ม SSSG ช่วง 3Q25ยังคงมีความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขัน อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้ SSSG ช่วง 3Q25 มีแนวโน้มดีขึ้นบ้างจาก 2Q25
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon