มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 81 จุด (+0.18%) ได้แรงหนุนจากหุ้น Apple หลังประกาศแผนลงทุนครั้งใหม่ในสหรัฐฯรวมไปถึงผลประกอบการบริษัทอื่นๆ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.1% หลังจากทรัมป์เผยถึงความคืบหน้าในการเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามในยูเครน
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเพียงแค่สต็อกน้ำมันดิบที่พบว่าลดลง 3 ล้านบาร์เรล ดีกว่า Bloomberg Consensus ประเมินว่าสต็อกน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรล แต่อย่างไรก็ตามไม่มีผลอย่างมีนัยยะกับราคาน้ำมันเพราะนักลงทุนไปให้น้ำหนักกับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย หลัง Trump ระบุว่าการเจรจากับรัสเซียมีความคืบหน้าอย่างมาก ในขณะเดียวกันสหรัฐฯยังคงโจมตีอินเดียต่อเนื่องด้วยมาตรการภาษี วานนี้ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากอินเดียอีก 25% เมื่อรวมกับอัตราภาษีเดิมที่ 25% ทำให้สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากอินเดียเป็น 50% ทางอินเดียระบุว่าจะดำเนินมาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ สำหรับอินเดียส่งออกไปยังสหรัฐฯหลักๆจะได้แก่เพชร เสื้อผ้า ยา และอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ อาจเป็นบวกต่อหุ้นอิเล็อทรอนิกส์ไทยและนิคมในเชิงจิตวิทยา ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อไทยประจำเดือน ก.ค. พบว่าลดลง (-0.7%YoY) ผลจากราคาพลังงานและผลไม้สด รวมถึงค่ากระแสไฟฟ้า พร้อมเน้นย้ำว่ายังไม่ใช่ภาวะเงินฝืด แต่เป็นเพราะราคาพลังงานและผักสดปรับลง สภาพอากาศปีนี้ทำให้ผลผลิตออกมาสู่ตลาดมากขึ้น
โดยแนวโน้มเงินเฟ้อ ส.ค. ประเมินว่ายังน่าจะอยู่ระดับต่ำคล้ายกับเดือน ก.ค. ตามราคาพลังงานพร้อมกับค่าไฟฟ้าที่ FT ปรับลงในช่วง พ.ค. – ส.ค. เมื่อผสานกับการเติบโตเศรษฐกิจไทยที่ยังต่ำ อาจทำให้มีแนวโน้มที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า (13 ส.ค.) ปัจจัยติดตามวันนี้ได้แก่การส่งออกของจีนในเช้านี้ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 5.6%YoY วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1255 – 1275 ตลาดอาจเริ่มพักตัวหลังปรับขึ้นมาเมื่อวาน +1.4% และจากจุดต่ำสุดราว 19% ได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นหลักเพราะปัจจัยพื้นฐานยังไม่ขยับตามมาเท่าใดนัก แม้จะมีปัจจัยหนุนจากการปรับประมาณการขึ้นเศรษฐกิจไทยของ กกร. สู่ระดับ 1.8-2.2% จากเดือนก่อนที่ 1.5 – 2%YoY (แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำ) ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเป็นเพียงแค่ Trading ระยะสั้นเพราะ Valuation เริ่มสูง โดยเลือกหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อย อาทิ CPALL KTB KBANK BDMS MINT BJC ICHI กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ปัจจัยหนุนด้านดอกเบี้ยที่อาจปรับลง นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)
MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท)
กำไรสุทธิใน 2Q25 ออกมาตามคาดที่ 1.65 พันลบ. (+14% YoY, +5% QoQ) การเติบโตหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ขณะที่สำรองหนี้ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ล้อกับที่สินเชื่อขยายตัว คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H25 ขยายตัวต่อเนื่องหนุนจากสินเชื่อขยายตัว และต้นทุนการเงินลดลงจากทิศททงดอกเบี้ยลดลง
WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.3 บาท)
การขายที่ดินยังทำได้ดี โดยคาดว่าจะออกมาเกินกว่าเป้าที่บริษัทคาดไว้ หลังจากในช่วง 1H25 ทำได้กว่า 1,200 ไร่ และมีการเจรจารอเซ็นสัญญาอีกกว่า 1,400 ไร่ ซึ่งยังไม่รวมลูกค้าในกลุ่ม Data Center ที่มีการเจรจาอีกกว่า 1,000 ไร่
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon