UOB AM “รู้จัก FTSE Russell ESG Scores ยกระดับความยั่งยืนหุ้นไทย สู่มาตรฐานสากล”

14

มิติหุ้น – ในยุคที่โลกการลงทุนไม่ได้พิจารณาเพียงผลกำไรทางการเงิน แต่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับ “ความยั่งยืน” ที่ผสมผสานปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ากับการลงทุนคะแนน ESG จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนใช้ประกอบการคัดเลือกหลักทรัพย์และตัดสินใจลงทุน เพื่อเสริมสร้างผลตอบแทนระยะยาว ผู้ประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ระดับโลกอย่าง FTSE Russell ได้พัฒนา FTSE Russell ESG Scores ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการประเมินศักยภาพด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก

ในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้เริ่มโครงการนำร่องการประเมิน FTSE Russell ESG Scores กับบริษัทจดทะเบียนไทย เพื่อยกระดับการดำเนินงานด้าน ESG และสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนตามมาตรฐานระดับสากล (ที่มา: ฝ่ายพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ กุมภาพันธ์ 2568)

บทความนี้จึงอยากพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับ FTSE Russell ESG Scores กันให้มากขึ้นว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะเป็นประโยชน์ในแง่มุมไหนบ้าง ทั้งต่อนักลงทุนและบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย

FTSE Russell ESG Scores คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ?              

FTSE Russell ESG Scores คือ การประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนจากข้อมูลที่บริษัทได้เปิดเผยสู่สาธารณะ จัดทำขึ้นโดย FTSE Russell ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการด้านข้อมูลทางการเงินในเครือ London Stock Exchange Group (LSEG) (ที่มา: LSEG โดยหลักเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนของ FTSE Russell ESG Scores จะแบ่งออกเป็น มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งในแต่ละมิติจะมีตัวชี้วัดย่อย (Indicators) กว่า 300 รายการ โดยจำนวนธีมและจำนวนตัวชี้วัดที่แต่ละบริษัทได้รับการประเมินจะแตกต่างกันไปตามประเด็นสาระสำคัญ (Material Issue) ชองแต่ละประเทศ กลุ่มอุตสาหกรรม และสัดส่วนรายได้ของธุรกิจ (ที่มา: FTSE Russell)  อาทิเช่น

1. มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) เช่น ความหลากหลายทางชีวภาพการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศการจัดการมลพิษและทรัพยากรการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น

2. มิติด้านสังคม (Social) เช่น มาตรฐานแรงงานสิทธิมนุษยชนและความรับผิดชอบต่อชุมชนสุขอนามัยและความปลอดภัยความรับผิดชอบต่อลูกค้า เป็นต้น

3. มิติด้านธรรมาภิบาล (Governance) เช่น การต่อต้านการทุจริตการกำกับดูแลกิจการการบริหารความเสี่ยงความโปร่งใสด้านภาษี เป็นต้น

ผลคะแนนของ FTSE Russell ESG Scores จะประกาศเป็นช่วงตัวเลขตั้งแต่ 0.0 ถึง 5.0 คะแนน โดยบริษัทที่ได้ 0.0 คะแนน หมายถึง ไม่มีข้อมูลให้ประเมิน ส่วนบริษัทที่ได้ตั้งแต่ 3.0 คะแนนขึ้นไป หมายถึง Good Practice และบริษัทที่ได้ 5.0 คะแนน หมายถึง Best Practice (ที่มา: setsustainability)

FTSE Russell ESG Scores ช่วยยกระดับหุ้นไทยยั่งยืน อย่างไรบ้าง?

1. ประโยชน์ต่อนักลงทุน  

  • ช่วยให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลด้าน ESG ที่โปร่งใส ชัดเจน สามารถเปรียบเทียบกับบริษัทชั้นนำระดับโลก เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันจะสามารถเข้าถึงมาตรฐานการรายงานข้อมูลความยั่งยืนระดับโลกจากผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลดิบด้าน ESG ซึ่งสามารถช่วยพัฒนาด้านการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการเปรียบเทียบการดำเนินงานด้าน ESG ของแต่ละบริษัท ซึ่งผลคะแนน FTSE Russell ESG Scores สามารถนำไปเปรียบเทียบกับบริษัทชั้นนำระดับโลกได้ เพราะเป็น Global Benchmarking ที่ใช้ Methodology ซึ่งพิจารณาประเด็นด้านความยั่งยืน และแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ละเอียดถึง 173 Subsectors เพื่อสะท้อนลักษณะของแต่ละธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังพิจารณาประเทศที่ตั้งของแต่ละธุรกิจเพื่อให้การประเมินสอดคล้องกับ Local context ซึ่งแนวทางนี้ถูกใช้กับ 8,000 บริษัทใน 47 ประเทศทั่วโลก จึงสามารถนำไปใช้เทียบเคียงกับ Global peers ได้

2. ประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนไทย

  • เป็นการเพิ่มศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยและตลาดหุ้นไทยในสายตานักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจากกรอบการพัฒนาด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เนื่องจาก FTSE Russell จะประเมินบริษัทจดทะเบียนไทยจากข้อมูลที่บริษัทได้เปิดเผยสู่สาธารณะ มีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ และยังเป็น Global Rater ที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
  • อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบ (benchmark) กับบริษัทในระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านกระบวนการประเมินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Independent External Committee ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาคธุรกิจ นักลงทุน องค์กรไม่แสวงผลกำไร (NGOs) และนักวิชาการ ทำให้การประเมินดังกล่าวสะท้อนมุมมองจากผู้มีส่วนได้เสียอย่างหลากหลาย และเป็นไปตามหลักการของความโปร่งใสและความยั่งยืนอย่างแท้จริง (ที่มา: setsustainability)

จะเห็นว่าผลประเมินจาก FTSE Russell ESG Scores เป็นกรอบอ้างอิงที่เป็นประโยชน์แก่บริษัทจดทะเบียนไทยในการพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานความยั่งยืนในระดับสากล พร้อมทั้งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทและนักลงทุนทราบทิศทาง แนวโน้มและความคาดหวังด้าน ESG เพื่อนำไปใช้ยกระดับมาตรฐานและการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทที่เข้าร่วมประเมิน FTSE Russell ESG Scores ปี 2567 จะถูกคัดกรองจากบริษัทที่อยู่ในดัชนีหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 และเป็นบริษัทที่อยู่ใน SET100 Index ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 – ธันวาคม 2566 (รอบใดรอบหนึ่ง) (ที่มา: The Guideline to FTSE Russell ESG Scores ณ มีนาคม 2568)  ซึ่งปี 2567 มีบริษัทจดทะเบียนไทย 225 แห่ง ได้รับคะแนนระดับ Good Practice (≥3.0) ถึง 121 บริษัท หรือคิดเป็นเกือบ 50% ของบริษัทที่ได้รับการประเมินทั้งหมด โดยด้านบรรษัทภิบาล (Governance) บริษัทไทยทำคะแนนเฉลี่ยสูงสุดที่ 4.2 จาก คะแนนเต็ม แสดงถึงความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

อย่างไรก็ตาม มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ยังคงเป็นจุดอ่อนที่ต้องพัฒนา โดยพบว่ากว่า 70% ของจำนวนบริษัทไทยมีคะแนนเฉลี่ยน้อยกว่า คะแนน เนื่องจากขาดความคุ้นเคยกับตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การบริหารความเสี่ยงด้าน Climate Change เป็นต้น (ที่มา: ฝ่ายพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ กุมภาพันธ์ 2568)

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนที่ผสมผสานแนวคิด ESG เข้าไปในกระบวนการลงทุน  ปัจจุบัน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด (“บลจ.ยูโอบี”) ได้นำเสนอกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์ที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งครอบคลุมการลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ ดังนี้

  • UTSB-THAIESG: กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ตราสารหนี้ไทย ซัสเทนเนเบิล – หน่วยลงทุนชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับสิทธิ  ประโยชน์ทางภาษีและไม่จ่ายเงินปันผล ระดับความเสี่ยง 3 – เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กระทรวงการคลัง หน่วยงานภาครัฐ หรือกองทุนฟื้นฟูเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือเป็นผู้มีภาระผูกพัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยนะ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (sustainability bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน(sustainability – linked bond) รวมถึงตราสารหนี้อื่นใดในกลุ่มความยั่งยืนตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) สามารถลงทุนหรือมีไว้ได้ โดยมี net exposure ในทรัพย์สินดังกล่าว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
  • UTSEQ-THAIESG: กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล – หน่วยลงทุนชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่จ่ายเงินปันผล ระดับความเสี่ยง 6 – เสี่ยงสูง มีนโยบายการลงทุนลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจที่ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือองค์กร หรือสถาบันอื่นที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

นอกจากนี้ บลจ. ยูโอบี ยังได้รับรางวัล Best ESG Engagement Initiative (Thailand), Best of the Best Awards 2025 Asia Asset Management ซึ่งตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ESG อีกด้วย

คำเตือน

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงินและไม่สามารถรับรองผลตอบแทนได้
  • ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม Thai ESG ด้วย กรณีไม่ได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี ผู้ลงทุนจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุนรวม
  • ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดข้อมูลต่างๆ ในหนังสือชี้ชวนของ SRI Fund ก่อนการลงทุน เพื่อให้รับทราบถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ ก่อนการลงทุน อาทิ นโยบายการลงทุน หลักทรัพย์ที่กองทุนนั้นได้ไปลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตลอดจนค่าธรรมเนียมรวมถึงสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนที่ได้รับอนุญาตก่อนการซื้อขาย ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อของกองทุน SRI Fund ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon