SGP ทุ่มงบ 110 ลบ. เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นโรงไฟฟ้าในเมียนมาเป็น 46% เสริมศักยภาพลงทุนต่างประเทศ บอร์ดอนุมัติปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.10 บาท ขึ้น XD 27 ส.ค.นี้

11

มิติหุ้น – SGP ประกาศเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าในเมียนมา จากผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มอีก 4.9% มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 110 ลบ. ดันถือหุ้นเพิ่มเป็น 46% ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว เพื่อเพิ่มศักยภาพการลงทุนในต่างประเทศ ด้านบอร์ดไฟเขียวเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.10 บ. ตอบแทนผู้ถือหุ้น ขึ้น XD วันที่ 27 ส.ค. 2568 จ่ายเงินปันผลวันที่ 9 ก.ย.นี้ เผยงบไตรมาส 2/68 ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ที่ 559.85 ลบ. พร้อมกับรายได้ 16,616.37 ลบ. ลดลง 20.56% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายของธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศลดลงกว่าปีก่อน พร้อมทุ่มงบลงทุนปีนี้ 350 ลบ. เล็งสยายปีกลงทุนเพิ่มประเทศแถบเอเชียใต้ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่าบริษัท SIAMGAS POWER PTE.LTD. หรือ SPW ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศสิงคโปร์ โดย SGP ถือหุ้นในสัดส่วน 100% เพื่อลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในประเทศเมียนมา ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ได้มีมติซื้อหุ้นเพิ่มเติมในสัดส่วนร้อยละ  4.9 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ใน Asiatech Energy Pte. Ltd. ( AEPL), Ruamur Pte. Ltd. (RUAMUR) และ Myanmar Lighting (IPP) Co., Ltd. (MLIPP) ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน 3 บริษัทจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 41.1 เป็นร้อยละ 46.0 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว

โดย SPW ได้ดำเนินการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มเติมใน AEPL และ RUAMUR เรียบร้อยแล้วและการโอนหุ้นได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ในส่วนของการโอนหุ้น MLIPP อยู่ระหว่างการดำเนินขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2568 นี้ การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในครั้งนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.38 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 110 ล้านบาท คำนวณตามอัตราถัวเฉลี่ยของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 1 เหรียญสหรัฐ เท่ากับ 32.63 บาท โดยชำระเป็นเงินสด

“การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และเสริมความมั่นคงให้กับธุรกิจในอนาคต” นางจินตณากล่าว

ล่าสุดผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ปี 2568 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 559.85 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 549.49 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2567 ที่มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 10.36 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการ 16,616.37 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 20,917.02 ล้านบาท ลดลง 20.56% สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายของธุรกิจก๊าซ LPG ในต่างประเทศลดลง
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จาก 598,161.96 ตัน เป็น 461,960.55 ตัน หรือลดลงร้อยละ 22.77 และสาเหตุรองลงมาคือราคาอ้างอิงก๊าซ LPG ในตลาดโลกมีการปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องในเดือนพ.ค.และมิ.ย. ที่ -10.0 และ -15.0 USD/ตัน ตามลำดับ ส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจากสต๊อกสินค้าบางส่วนและมาร์จิ้นต่อยอดขายลดลง โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) ในไตรมาส 2 ปี 2568 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 598 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน

อย่างไรก็ดี ในส่วนของปริมาณการขายก๊าซ LPG ในประเทศเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จาก 195,484.54 ตัน เป็น 204,036.61 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.37% โดยเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มลูกค้า ได้แก่ ลูกค้า M.10 (+20.72%) ลูกค้าอุตสาหกรรม (+8.03%) ลูกค้าขนส่ง (+3.72%) และลูกค้าหุงต้ม (+2.02%) ปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทได้นำเข้าก๊าซ LPG เข้ามาในประเทศบางส่วน ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการการจัดส่งได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด สำหรับผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 27 สิงหาคม 2568 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 28 สิงหาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 กันยายน 2568

สำหรับงบลงทุนปีนี้บริษัทตั้งไว้รวม 350 ล้านบาท แบ่งเป็น 160 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงคลังก๊าซ LPG ในประเทศ และ 190 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างและปรับปรุงคลังก๊าซ LPG ในมาเลเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนธุรกิจก๊าซแอลพีจีในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย รวมไปถึงเล็งที่จะขยายการลงทุนเพิ่มในประเทศแถบเอเชียใต้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตคู่ขนานทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างมั่นคง และช่วยสนับสนุนภาพรวมการเติบโตในอนาคต

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon