ETDA หารือมาตรการคุมเข้มแพลตฟอร์มเสี่ยงสูง ปิดช่องกลโกงออนไลน์

11

มิติหุ้น – ในยุคที่ธุรกรรมออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว โลกดิจิทัลมาพร้อมทั้งโอกาสและความเสี่ยง โดยเฉพาะการหลอกลวงที่ซับซ้อนและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก 1212 ETDA พบเรื่องร้องเรียนออนไลน์ครึ่งปีแรก (ม.ค. – มิ.ย. 68) ถึง 20,608  เรื่อง  โดยส่วนใหญ่เป็นปัญหาซื้อขายของออนไลน์ การฉ้อโกง ซื้อของไม่ได้ของ หรือได้ของไม่ตรงปก รวมไปถึงเว็บพนันผิดกฎหมาย เป็นต้น สอดคล้องกับข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พบยอดการแจ้งความคดีอาชญากรรมไซเบอร์ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 14 ส.ค. 2568 จำนวน 207,161 คดี มูลค่าความเสียหายสะสมกว่า 17,700,683,375 บาท  ประเภทคดีที่พบบ่อย เช่น หลอกลวงซื้อขายสินค้า หรือ บริการผ่านทางออนไลน์ และไม่ส่งสินค้า หรือ ไม่ตรงปก, หลอกลวงให้โอนเงิน ผ่านการลงทุนปลอม หรือ ทำงานหารายได้พิเศษ และการฉ้อโกง หรือ หลอกลวงให้กู้เงิน เป็นต้น

จากตัวเลขข้างต้น แสดงให้เห็นว่าภัยออนไลน์ในปัจจุบันมีทั้ง “ความถี่” และ “ความรุนแรง” ดังนั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ETDA ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ภายใต้กฎหมาย DPS จึงเปิดเวที เชิญคณะกรรมการร่วมระหว่างหน่วยงานของรัฐ รวมกว่า 10 หน่วยงาน อาทิ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.),  สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.), กระทรวงสาธารณสุข (สธ.), กระทรวงแรงงาน และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อร่วมกันถอดบทเรียน–ระบุช่องโหว่–กำหนดทิศทาง การกำกับดูแลแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบยิ่งขึ้น

  • ปรับการกำกับ จาก ‘ขอความร่วมมือ’ สู่ ‘การบังคับตามกฎหมาย”

หนึ่งในข้อเสนอสำคัญจากการหารือร่วมครั้งนี้  คือการเร่งสร้างการรับรู้ถึงบทบาทของกฎหมาย DPS จากเดิมที่มุ่ง ‘ขอความร่วมมือโดยอาศัยความสมัครใจ’ สู่การ ‘บังคับใช้กฎหมายที่แพลตฟอร์มดิจิทัลต้องมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม’ โดยเฉพาะในกลุ่มแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยงสูง ตามมาตรา 18 (2)  ที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินและความน่าเชื่อถือของระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณชนในระดับสูง ที่ต้องมีหน้าที่เพิ่มเติมในการดูแลความโปร่งใสและความปลอดภัยของบริการ ตามมาตรา 20 นอกเหนือจากหน้าที่ทั่ว ๆ ไป ที่แพลตฟอร์มต้องปฏิบัติ เพื่อยกระดับความปลอดภัย มาตรฐานสินค้า และคุ้มครองผู้บริโภค เช่น ต้องมีการพิสูจน์และยืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบการหรือผู้ขาย เมื่อเกิดเหตุสามารถติดตามตัวได้ รวมถึง ตรวจสอบ และ เปิดเผยข้อมูลผู้ขาย, ตรวจสินค้าที่ต้องมีมาตรฐานก่อนขาย เพื่อป้องสินค้าปลอมไม่ได้มาตรฐาน, การวางนโยบายกำกับสินค้า และ ผู้ขาย, มีกลไกให้ผู้ใช้งานแจ้งปัญหาได้ เมื่อตรวจสอบแล้วต้อง แจ้งผลแก่ผู้ร้องเรียนและผู้ขายภายใน 3 วัน, ส่งข้อมูลผู้ขายที่กระทำผิด เมื่อหน่วยงานรัฐร้องขอ เป็นต้น นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนด “หน้าที่เฉพาะ” สำหรับแพลตฟอร์มที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง เพื่อสร้างกลไกความรับผิดชอบร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์บนแพลตฟอร์มดิจิทัล

คณะกรรมการร่วมฯ มีความเห็นสอดคล้องกันว่า กลไกความร่วมมือแบบสมัครใจ แม้จะมีประโยชน์ แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความรวดเร็ว เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนประสานงานหลายฝ่าย ในขณะที่ภัยออนไลน์ปรับตัวและก่อเหตุซ้ำได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง จึงอาจไม่เพียงพอในการสกัดกั้นมิจฉาชีพได้ทันเวลา ดังนั้น จึงเห็นควรสร้างการรับรู้ต่อแพลตฟอร์มดิจิทัล ในฐานะผู้ให้บริการที่มี “หน้าที่ตามกฎหมาย” ที่ต้องจัดให้มีระบบภายในที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย เช่น ระบบยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน การติดตามเส้นทางธุรกรรม การแจ้งเตือนความเสี่ยงแก่ผู้ใช้ และการประสานงานกับหน่วยงานรัฐอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ไม่ได้มุ่งเพิ่มภาระโดยไม่จำเป็น แต่เป็นการสร้างหลักประกันว่าการให้บริการจะดำเนินอยู่บนรากฐานของ ความปลอดภัย ความโปร่งใส และความรับผิดชอบร่วม ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน

  • เปิด 5 มาตรการเชิงรุก ปิดช่องกลโกงแพลตฟอร์มเสี่ยงสูง

สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณาว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลไหน เข้าข่ายเสี่ยงสูงบ้างนั้น ETDA จะพิจารณาลักษณะเฉพาะ อันมีความเสี่ยงมาจาก 3 ส่วนหลัก ๆ ตามมาตรา 18 (2) คือ ความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นทางการเงิน ความเสี่ยงต่อความมั่นคงของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสาธารณชน ซึ่งเกณฑ์ในการพิจารณาความเสี่ยงดังกล่าวจะพิจารณาโดยดูองค์ประกอบข้อหนึ่งข้อใดดังต่อไปนี้ด้วย กล่าวคือ (1) มีมูลค่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนบริการ จากการให้บริการในไทยเกิน 100 ล้านบาท (2) ไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลกับ DBD และมีจำนวน Business User ตั้งแต่ 100 ราย (3) ไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลกับ DBD และมีจำนวน AMAU มากกว่า 5% แต่ไม่เกิน 10% ของ Population (4) มีลักษณะบริการที่ผู้ใช้บริการสามารถกระทำการใดโดยไม่มีมาตรการควบคุมดูแลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อสาธารณชนในรูปแบบของข้อความ การกระทำที่ผิดกฎหมาย กระทบต่อสิทธิมนุษยชน ข้อมูลส่วนบุคคล กระทบต่อเด็ก กระทบทางลบต่อความเห็นทางการเมือง และการเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง หรือกระทบต่อเพศ ความรุนแรงทางเพศ เป็นต้น แม้ล่าสุดจะมีการประกาศรายชื่อแพลตฟอร์มดิจิทัล ประเภท Online Marketplace ที่เข้าข่ายเสี่ยงสูงที่ต้องมีหน้าที่เพิ่มเติมตามที่กฎหมายกำหนด ไปแล้วทั้งหมด 19 บริการ แต่เพื่อให้การกำกับดูแลสอดคล้องกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน ETDA ก็ยังคงเดินหน้าพิจารณาและจัดทำ “บัญชีรายชื่อแพลตฟอร์มที่เข้าข่ายเสี่ยงสูง (High-Risk Platforms) เพื่อเตรียมออกประกาศรายชื่อเพิ่มเติมอีกด้วย

โดยในเวทีนี้ ก็ได้เสนอ 5 มาตรการเชิงรุก ที่ต้องเน้นย้ำให้แพลตฟอร์มดิจิทัลเสี่ยงสูงควรให้ความสำคัญ เพื่อเป็นด่านแรกในการป้องกันภัยหลอกลวงออนไลน์ ได้แก่

  1. การยืนยันตัวตนผู้ใช้บนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างเข้มงวด (User Verification) –ป้องกันการใช้บัญชีปลอมและการกระทำผิดโดยไม่สามารถติดตามตัวตนได้
  2. ต้องมีระบบตรวจจับและลบเนื้อหาผิดกฎหมายอัตโนมัติ (Content Detection) –โดยใช้เทคโนโลยี เช่นAI วิเคราะห์พฤติกรรมและเนื้อหาหลอกลวงแบบเรียลไทม์ เพื่อให้แพลตฟอร์มสามารถตรวจจับความผิดปกติได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ ลดการพึ่งพาการแจ้งเหตุจากผู้ใช้เพียงอย่างเดียว
  3. มีการแจ้งและลบเนื้อหาอย่างรวดเร็ว (Rapid Notice & Take Down) –เพื่อลดระยะเวลาเผยแพร่เนื้อหาหลอกลวง โดยกำหนดกรอบเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง
  4. มีระบบแจ้งเตือนก่อนเข้าถึงเนื้อหาเสี่ยง (Pre-Click Warning) –เพื่อเพิ่มข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ใช้งานก่อนคลิกลิงก์ หรือ เข้าถึงเนื้อหาที่มีความเสี่ยง
  5. ความรับผิดชอบร่วม (Joint Liability) –หากแพลตฟอร์มดิจิทัลละเลยในการดูแลและเฝ้าระวังบริการจนก่อให้เกิดความเสียหาย อาจต้องร่วมรับผิด ซึ่งต้องพิจารณาภายใต้กฎหมายที่เหมาะสมเพื่อสร้างแรงจูงใจให้แพลตฟอร์มลงทุนและพัฒนาระบบป้องกันอย่างจริงจัง และการดำเนินการทั้งหมด จะต้องคำนึงถึงการรักษาสมดุลระหว่าง เสรีภาพในการใช้อินเทอร์เน็ต และ ความปลอดภัยของสังคมดิจิทัล
  • ความร่วมมืออย่างเป็นระบบ คือหัวใจของความสำเร็จ

ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ต่อให้มีมาตรการเข้มข้นเพียงใด หากขาดความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ แพลตฟอร์มดิจิทัล และประชาชน ก็ไม่อาจสร้างความปลอดภัยให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน แพลตฟอร์มดิจิทัลจำเป็นต้องพัฒนาระบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนด พร้อมจัดให้มีช่องทางรับแจ้งเหตุที่รวดเร็ว ขณะที่หน่วยงานรัฐต้องกำหนดเกณฑ์กำกับดูแลที่ชัดเจน โปร่งใส และไม่สร้างภาระเกินจำเป็นต่อผู้ประกอบการสุจริต ส่วนประชาชนควรได้รับการส่งเสริมความรู้เท่าทันดิจิทัล เพื่อสังเกตและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงแจ้งเบาะแสเมื่อพบสิ่งผิดปกติ เพราะการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานเปรียบเสมือน “ด่านป้องกันชั้นแรก” ที่ช่วยลดโอกาสสำเร็จของกลโกงออนไลน์ ETDA ในฐานะหน่วยงานกำกับ จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานข้อมูลและความร่วมมือ พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนากลไกกำกับดูแล เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นธรรม ให้คนไทยสามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและเชื่อมั่น

“ความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมที่ต้องอาศัยทั้งกฎหมาย เทคโนโลยี และความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันสร้างสังคมดิจิทัลที่เปิดกว้างและปลอดภัยอย่างแท้จริง” -ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่เพจ ETDA Thailand

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon