
มิติหุ้น – เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันดิบพบว่าลดลง 6 ล้านบาร์เรลลดลงมากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.8 ล้านบาร์เรล ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเปิดเผยผลประชุม FED (ครั้งก่อน) พบว่าคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าคงดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม (9 : 2) ส่วนคณะกรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรลดดอกเบี้ยเพราะกังวลกับตลาดแรงงาน แต่อย่างไรก็ตามคณะกรรมการส่วนใหญ่ยังประเมินว่าความเสี่ยงเงินเฟ้อจากภาษีมีน้ำหนักมากกว่าการอ่อนแรงของตลาดแรงงาน
หลังจากทราบข้อมูลข้างต้นพบว่าหลายๆสินทรัพย์ค่อนข้างทรงตัว ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนว่านักลงทุนไม่ได้ให้น้ำหนักใดๆ มากนักกับปัจจัยข้างต้น เพราะกำลังรอดูประชุม Jackson Hole ในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย แต่หากเป็นปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ดัชนี PMI เบื้องต้นของสหรัฐฯ (Flash) และของฝั่ง EU รวมไปถึงยอดขายบ้านมือสอง
Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 3.92 ล้านหลังคาเรือน สำหรับปัจจัยในประเทศวานนี้พบว่า SET ฟื้นตัวขึ้นมาบวก 1% ได้แรงหนุนหลักที่เด่นชัดจากกลุ่มปิโตรเคมี (SCC, PTTGC, PTT) หลังมีรายงานออกมาว่าทางเกาหลีใต้ประกาศว่าจะร่วมกันลดอัตราการดำเนินการของโรงงาน แต่อย่างไรก็ตามภาวะปัจจุบันของการผลิตปิโตรเคมียังเป็นลักษณะ Over Supply (กำลังการผลิตส่วนเกิน) ทำให้ราคาส่วนต่างปิโตรเคมียังฟื้นตัวแบบจำกัด จึงมองการฟื้นตัวของกลุ่มนี้เป็นเพียงระยะสั้นมากกว่าประกอบกับเศรษฐกิจโลกยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ และหลังจากนี้เตรียมเผชิญกับผลกระทบจากนโยบายภาษีผสานกับส่งออกทั่วโลกจะเริ่มชะลอลงเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจทั้งโลก
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1240 – 1260 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเพราะตลาดยังดูไร้ปัจจัยใหม่ประกอบกับสัปดาห์หน้าประเทศไทยจะมีความเสี่ยงทางการเมืองที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะออกมาในรูปแบบไหน อาจจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการลงทุนระยะสั้นเน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวก อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, MINT, ERW) มีรายงานว่าจะเตรียมกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการสนับสนุนค่าเครื่องบินในประเทศ รวมไปถึงกลุ่มค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, HMPRO) หุ้นปันผลระหว่างที่น่าสนใจ (SCB, TACC)
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
ผลประกอบการใน 2H25 เติบโตสูงกว่าใน 1H25 เนื่องจากมีแนวโน้มได้รับผลบวกจากภาระดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ใน 4Q25 โรงแรมหลักในไทยที่ปิดปรับปรุงจะกลับมาเริ่มเปิดให้บริการช่วงเดือนพฤศจิกายน ประกอบกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศมัลดีฟส์ใหม่ทะยอยหนุน Occupancy เติบโตแข็งแกร่ง
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท)
Valuation ที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว 15xPE’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต พร้อมด้วยผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังระดับ 3% โดยรายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.8 พันล้านบาท (+9%YoY) หลังตัดรายการพิเศษมีกำไรปกติ 7 พันล้านบาท (+14%YoY, -7%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาดหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 30 bps YoY
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon