มิติหุ้น – Investment Strategy
• สรุปภาพรวมตลาด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพุธ (20 ส.ค.) ส่วนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ยังคงปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มูลค่าน้อยกว่า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,938.31 จุด เพิ่มขึ้น 16.04 จุด หรือ +0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,395.78 จุด ลดลง 15.59 จุด หรือ -0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,172.86 จุด ลดลง 142.10 จุด หรือ -0.67%
• สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่นๆ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 66.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด ขณะที่นักลทุนจับตาความคืบหน้าของการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 29.80 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดที่ 3,388.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันศุกร์นี้
• SET Index : เราคาดการณ์กรอบ SET Index ในวันนี้ ณ ระดับ 1,230-1,260 จุด เรามองว่าในวันนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวในแดนบวกและลบสลับกัน โดย ตลาดหุ้นไทยมีแนวรับที่สำคัญที่ดัชนีระดับ 1,220
เรามองว่าในระยะสั้นจะยังคงมีเม็ดเงินต่างประเทศ หรือ Fund Flow ไหลออกอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงคำแนะนำระมัดระวังแรงขายทำกำไร และทยอยลดการถือครองหุ้นขนาดใหญ่จากความผันผวนจากความกังวลในประเด็นการเมือง
เรามองว่าตลาดยังมีความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในคดีคลิปเสียงสนทนาปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ซึ่งคดีนี้ ศาลฯ นัดลงมติวันที่ 29 ส.ค.นี้ ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้การเมืองไร้เสถียรภาพ
ในด้านต่างประเทศ จับตา ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของญี่ปุ่น และ EU ประจำเดือน ส.ค. และ การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หรือการประชุมแจ็กสัน โฮล ในวันที่ 21-23 ส.ค.
หุ้นแนะนำ
CK: บริษัทคาดการณ์รายได้ 40,000-45,000 ล้านบาทในปี 2568 สอดคล้องกับที่เราคาดการณ์รายได้ 41,000 ล้านบาทในปี 2568 เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน โดย บริษัทคาดว่าอัตรากำไรจะอยู่ที่ประมาณ 7% ขึ้นไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ขณะที่อัตรากำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568
(Take profit : 14.70 / Stop loss : 14.20)
KTC: KTC มีการประเมินมูลค่าน่าสนใจที่ P/E 10x และ P/BV 1.75x ในปี 2025 (-1SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต) รวมทั้งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม Non-bank ที่ 5.0-5.3% ต่อปีในปี FY25-27
(Take profit : 29.50 / Stop loss : 28.25)
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon