HSH ถอดรหัสจากถ้อยแถลงของพาวเวลล์ ที่ Jackson Hole เปิดทาง Fed ลดดอกเบี้ยเร็วสุดกันยายนนี้ ตลาดโลกถามต่อ ราคาทองจะไปไกลแค่ไหน?

14

มิติหุ้น – การประชุมที่ Jackson Hole ปีนี้สะเทือนตลาดโลก เมื่อ เจอโรม พาวเวลล์  ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ยเร็วที่สุดตั้งแต่กันยายนนี้ กดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่า หนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นอีกระลอก ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกจับตาข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อในสหรัฐเป็นตัวแปรชี้ขาดทิศทางนโยบายการเงินต่อไป

การประชุม Jackson Hole Economic Symposium ที่รัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา ในปีนี้ กลายเป็นเวทีสำคัญที่โลกการเงินจับตาอีกครั้ง เมื่อ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่หลายฝ่ายมองว่า ‘ชัดเจนที่สุด’ ในการส่งสัญญาณว่า Fed อาจเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในการประชุมเดือนกันยายนของปีนี้ 

พาวเวลล์: ‘ความเสี่ยงเปลี่ยนไป Fed ต้องปรับจุดยืน’

พาวเวลล์ระบุว่า แม้อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ยังคงต่ำ แต่ความสมดุลของเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนไป โดยพาวเวลล์ย้ำว่า “นโยบายที่เข้มงวดในปัจจุบัน บวกกับความเสี่ยงใหม่ในตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ อาจทำให้เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจุดยืนด้านนโยบาย” ถ้อยแถลงนี้ถูกมองว่าเป็นการ ‘เปิดทาง’ ให้ Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากคุมเข้มต่อเนื่องมากว่าสองปี เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบหลายทศวรรษ

Fed ปรับกรอบเป้าหมาย เน้น ‘ความยืดหยุ่น’

อีกประเด็นสำคัญจากเวที Jackson Hole คือการที่ Fed หันกลับมาใช้ Flexible Inflation Targeting หรือการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น แทนที่ Average Inflation Targeting ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนกรอบนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Fed ที่ต้องการ ‘เครื่องมือที่คล่องตัวกว่า’ เพื่อตอบสนองต่อเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนมากขึ้น ตั้งแต่แรงกดดันเงินเฟ้อจากมาตรการภาษีศุลกากร ไปจนถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ตลาดตอบสนอง: ดอกเบี้ยลง-ทองคำขึ้น

หลังถ้อยแถลงของพาวเวลล์ ตลาดการเงินสะท้อนแรงคาดหวังทันที CME FedWatch Tool สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า นักลงทุนกว่า 87% เชื่อว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนกันยายนนี้ และเกือบครึ่งหนึ่งเชื่อว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งหากเป็นจริง ปีนี้ดอกเบี้ยจะลดลงรวม 0.50% สู่กรอบ 3.75-4.00% แรงกดดันดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทันทีส่งผลให้ราคาทองคำโลกดีดตัวขึ้นกว่า 1% หลังแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนมองว่าการลดดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนการถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทองคำจึงกลับมาโดดเด่นในฐานะ ‘ที่หลบภัย’ ของการลงทุนอีกครั้ง

เสียงสะท้อน: ยังมีความไม่แน่นอน

แม้ตลาดจะตอบสนองเชิงบวก แต่ยังมีความกังวลจากนักวิเคราะห์หลายฝ่าย ทั้ง Bank of America และ Bloomberg Strategists เตือนว่า หาก Fed ลดดอกเบี้ยทั้งในเดือนกันยายนและธันวาคมจริง หลังจากนั้นอาจไม่มีช่องว่างให้ปรับลดต่อไปอีก เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อาจก่อแรงกดดันเงินเฟ้อให้กลับมาอีกระลอก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ทิศทางดอกเบี้ยจะอ่อนลง แต่เส้นทางหลังธันวาคมอาจไม่ราบเรียบอย่างที่ตลาดคาดหวัง

จับตาตัวเลขการจ้างงาน ‘นอกภาคเกษตร’ สหรัฐฯ 

ฮั่วเซ่งเฮงมองว่า ‘ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ’ ที่จะประกาศในวันที่ 5 กันยายนนี้ จะเป็นตัวแปรสำคัญ หากตัวเลขออกมาอ่อนแอเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยก็จะยิ่งสูง และราคาทองคำมีโอกาสพุ่งทะลุ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าการจ้างงานแข็งแกร่ง อาจเกิดแรงขายทำกำไรในทองคำได้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอจับตา Dot Plot หรือแผนภาพคาดการณ์ดอกเบี้ยของ Fed ที่จะเปิดเผยในการประชุมเดือนกันยายน ซึ่งจะเป็นสัญญาณบอกแนวโน้มดอกเบี้ยระยะยาว ว่าจะเป็น ‘เพียงการผ่อนคลายระยะสั้น’ หรือ ‘จุดเริ่มต้นของวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงจริง’

มุมมองต่อทองคำ: เสถียรภาพในความไม่แน่นอน

ฮั่วเซ่งเฮงระบุว่า ในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งสงครามการค้า มาตรการภาษีศุลกากร และความตึงเครียดทางการเมือง ทองคำกำลังสะท้อนให้เห็นบทบาทเดิมที่มนุษย์คุ้นเคยมาเป็นพันปี – ‘สินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ท่ามกลางความไม่แน่นอน’ ถ้อยคำของพาวเวลล์ในครั้งนี้ไม่เพียงส่งแรงกระเพื่อมต่อตลาดเงิน แต่ยังเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้ทองคำกลับมาเป็นหัวข้อการลงทุนหลักในไตรมาสสุดท้ายของปี

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon