มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า ยอดส่งออกสินค้าไปกัมพูชาของ CBG อาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากการคว่ำบาตรสินค้าไทยในกัมพูชาทวีความรุนแรง จึงประมาณการว่ายอดส่งออกในไตรมาส 3/68 จะลดลง 35% yoy เทียบกับประมาณการก่อนหน้านี้ที่คาดลดลง 25% yoy และแม้ว่าความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีอาจดีขึ้นหลังไทยมีรัฐบาลใหม่ แต่เชื่อว่ากระแสการคว่ำบาตรสินค้าไทยจะยังคงอยู่จนถึงปี 69
ส่วนโรงงานในกัมพูชาที่มีกำหนดเปิดดำเนินงานในไตรมาส 4/68 น่าจะช่วยลดต้นทุนจากค่าขนส่งและภาษีนำเข้าที่ลดลง ซึ่งน่าจะช่วยลดผลกระทบต่อกำไรบางส่วน
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า ตลาดเมียนมายังคงโดดเด่น แม้จะมีปัจจัยลบตามฤดูกาล โดยปกติแล้วยอดขายในเมียนมามักจะลดลง 30-40% qoq ในไตรมาส 3 แต่คาดว่ายอดขายในไตรมาส 3/68 จะลดลงเพียง 10% หลัง CBG เปิดโรงงานใหม่ในเดือนก.ค.68 และมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นประเมินว่ายอดขายในเมียนมาทั้งปีจึงน่าจะเพิ่มขึ้น 20% yoy เป็น 1.6 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ยอดขายในตลาดนี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 32% ของยอดขายในต่างประเทศ
อีกทั้ง margin น่าจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 69 จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยอดขายในประเทศมีแนวโน้มแข็งแกร่ง โดยฝ่ายวิเคราะห์ฯคาดว่าจะเติบโต 12% yoy เป็น 2 พันล้านบาท จากส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น (26.1% ในเดือนก.ค. 68 เทียบกับ 24.9% ในไตรมาส 3/67) ซึ่งอัตราการเติบโตในระดับนี้น่าจะทำให้ CBG มีปริมาณการขายเติบโตได้ตามเป้าที่ 1.0-1.1 พันล้านขวดในปี 68 หรือสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 950 ล้านขวด
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า CBG จะเปิดตัวพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ในประเทศจีนภายในเดือนก.ย.68 เพื่อกลับมารุกตลาดจีนอีกครั้ง ด้วยโมเดลใหม่ที่ใช้วิธีการขายหัวเชื้อ (concentrate) และการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (licensing model) ซึ่งแม้การขายหัวเชื้ออาจทำรายได้ไม่มากนักในช่วงแรก แต่ด้วยอัตรากำไรที่ค่อนข้างสูงรวมถึงค่าธรรมเนียมในการใช้สิทธิ ทำให้ผู้บริหารเชื่อว่าน่าจะส่งผลดีต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ CBG กำลังศึกษาการทำธุรกิจรูปแบบเดียวกันในตะวันออกกลาง
ส่วนธุรกิจในประเทศนั้น โครงการ“คนละครึ่ง” ของรัฐบาลน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายไม่ได้มากนัก แต่อาจช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มสูงขึ้นชั่วคราวจากการที่อุปสงค์ย้ายไปยังร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่มี margin สูงกว่า
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ปรับประมาณการ EPS ลง 1.1-1.3% ในปี 68-69 เนื่องจากยอดขายในกัมพูชามีแนวโน้มอ่อนตัว แต่ส่วนหนึ่งจะชดเชยด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นในไทยและเมียนมา ขณะที่ยังคงประมาณกำไรในปี 70 โดยยัง แนะนำ “ซื้อ” CBG ที่ราคาเป้าหมาย 67.50 บาทตามวิธี DCF เพราะมองว่าธุรกิจ ในประเทศยังเติบโตและศักยภาพการกำไรในเมียนมาเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม CBG จะมี downside risk หากกระแสการแบนสินค้าไทยในกัมพูชายังรุนแรงต่อเนื่อง, ต้นทุนวัตถุดิบผันผวนและการแข่งขันรุนแรงขึ้น ส่วนปัจจัยบวกจะมาจากส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น, sentiment ที่ดีขึ้นในกัมพูชาและความสำเร็จในการรุกตลาดจีนและตะวันออกกลาง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon