มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 68 STECON ทำรายได้ 1.52 หมื่นล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 7.2% จึงเชื่อว่า บริษัทจะมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้า ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ในปี 68 จะมาจากโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, งานก่อสร้างที่เกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, รถไฟฟ้าสายสีส้ม และ data centre ตามข้อมูลใน analyst presentation ไตรมาส 2/68 ของบริษัท โดยไตรมาส 2/68 STECON มียอด backlog รวม 1.26 แสนล้านบาท ซึ่งมองว่ายังปลอดภัย เพราะเทียบเท่ากับรายได้ประมาณ 4 ปี
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ในไตรมาส 3/68 STECON จะมีรายได้เติบโต 13% yoy เป็น 8.2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ขณะที่ตั้งสมมติฐาน GPM อยู่ที่ประมาณ 7.0% ในไตรมาส 3/68 เทียบกับ 7.1% ในไตรมาส 2/68 และ 3.4% ในไตรมาส 3/67 รวมทั้ง คาดว่าอัตราส่วน SG&A/รายได้จะลดลงจาก 4.3% ในไตรมาส 2/68 เป็น 3.5% ในไตรมาส 3/68 (เทียบ 3.2% ในไตรมาส 3/67)
ดังนั้น จึงประมาณการว่า STECON จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 214 ล้านบาทในไตรมาส 3/68 หรือเพิ่มขึ้น 245% yoy และ 36% qoq ซึ่งหากผลประกอบการเป็นไปตามคาด กำไรปกติในงวด 9 เดือนแรกของปี 68 ของ STECON จะคิดเป็น 85% ของประมาณการกำไรปกติในปี 68
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า รัฐบาลใหม่มีแผนจะผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) เชื่อมฝั่งทะเลอันดามันกับอ่าวไทยด้วยเส้นทางการขนส่งทางถนน, ท่อส่งก๊าซ น้ำมันและทางรถไฟ ส่วนการพัฒนาโครงการจะเป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในรูปแบบสัญญาสัมปทาน PPP Net Cost ระยะเวลา 50 ปี ตามรายงานข่าวของฐานเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุด้วยว่ารัฐบาลคาดจะเปิดประมูลโครงการนี้ภายในปี 69 ทั้งนี้ แม้จะมองเชิงบวกต่อความพยายามของรัฐบาลที่จะผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่การจะดึงดูดให้ภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุน อาจทำได้ยากในช่วงที่สถานการณ์การเมืองยังไม่แน่นอน
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ STECON จาก 8.50 บาท เป็น 10.80 บาท ซึ่งจะเท่ากับ P/BV 0.86x ในปี 69 หรือ -0.9SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี ทั้งนี้ปรับเพิ่มเป้า P/BV สะท้อน sentiment ตลาดที่ดีขึ้นหลังภูมิทัศน์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันเชื่อว่าผลประกอบการที่แข็งแกร่งรายไตรมาสน่าจะช่วยหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น ส่วน downside risk จะมาจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ, การที่บริษัทไม่ชนะประมูลโครงการขนาดใหญ่และสถานการณ์การเมืองแย่ลง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon