Haier กดปุ่มสตาร์ท “โรงงานแอร์แห่งใหม่” เผยโฉมความยิ่งใหญ่บนพื้นที่ นิคม WHA3 ชลบุรี เดินเครื่องเมกะโปรเจกต์หมื่นล้าน สู่ “ฐานหลักเครื่องใช้ไฟฟ้าอาเซียน” เผยโรดแมป 3 ปี เสิร์ฟตลาดไทย – ตปท. กว่า 12.5 ล้านเครื่อง มูลค่าทะลุ 6 หมื่นล้านบาท

35

มิติหุ้น – ชลบุรี 23 กันยายน 2568 – ไฮเออร์ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกและแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 16 ปีซ้อน ประกาศก้าวสำคัญด้านการลงทุนในประเทศไทย เปิดโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศแห่งใหม่ ณ จังหวัดชลบุรี มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 324,000 ตารางเมตร ออกแบบภายใต้แนวคิดการผลิตยุคใหม่ ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) และระบบจัดการทันสมัย ตอบรับทั้งยุทธศาสตร์ S-Curve และ Thailand 4.0 เพื่อรองรับทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก ด้วยกำลังการผลิตสูงสุดกว่า 6 ล้านเครื่องต่อปี พร้อมยกระดับบทบาทของไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในอาเซียน และต่อยอดศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก โดยในเฟสแรกจะเริ่มเดินสายการผลิตในเดือนกันยายน พร้อมตั้งเป้า 3 ปี (2568-2570) ผลิตกว่า 12.5 ล้านเครื่อง มูลค่าราว 63,650 ล้านบาท

มร. โจว หยุนเจี๋ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม New S-Curve ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคต โดยมีอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในเสาหลักที่มีศักยภาพสูง การลงทุนครั้งใหญ่นี้จึงไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นของไฮเออร์ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย แต่ยังตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นฐานการผลิตเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียน ที่เชื่อมโยงครบทั้งห่วงโซ่อุปทาน การผลิต การวิจัยและพัฒนา ไปจนถึงการส่งออกสู่ตลาดโลก อีกทั้งยังเป็นหมุดหมายสำคัญของความร่วมมือไทย–จีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตในปีนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนจีนต่อศักยภาพ ความมั่นคง และบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของไทยบนเวทีเศรษฐกิจโลก

โดยการลงทุนในโรงงานแห่งใหม่นี้สอดรับกับยุทธศาสตร์ S-Curve และนโยบาย Thailand 4.0 ด้วยการยกระดับสู่มาตรฐานการผลิตใหม่ ผ่านเทคโนโลยี Smart Manufacturing และระบบจัดการที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) พร้อมวางแผนการผลิตไว้เป็น 3 เฟสอย่างเป็นระบบ โดยเฟสแรกจะเริ่มเดินสายการผลิตเครื่องปรับอากาศในเดือนกันยายน 2568 จำนวน 3 ล้านเครื่อง มูลค่าประมาณ 14,700 ล้านบาท ก่อนจะขยายกำลังผลิตเป็น 3.5 ล้านเครื่อง มูลค่า 17,800 ล้านบาทในปี 2569 และแตะระดับสูงสุดที่ 6 ล้านเครื่อง มูลค่าราว 31,150 ล้านบาทภายในปี 2570 ซึ่งจะทำให้โรงงานแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค และมีบทบาทสำคัญในการรองรับความต้องการทั้งในประเทศและการส่งออกไปยังตลาดโลก”

มร. โจว หยุนเจี๋ย กล่าวต่อว่า ไฮเออร์ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สมาร์ทยุคใหม่ และการสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดที่สอดคล้องกับผู้บริโภคในทุกช่วงเวลา เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ไฮเออร์ในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้ตั้งเป้าหมายชัดเจนในปี 2568 โดยคาดว่ายอดขายเครื่องปรับอากาศภายในบ้านจะอยู่ที่ 5,500 ล้านบาท และเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์อีก 1,108 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสู่การชิงส่วนแบ่งตลาดกว่า 13% และเป็นแบรนด์ยอดขายอันดับ 1 ของโลก ตอกย้ำบทบาทผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก”

สำหรับโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศไฮเออร์แห่งที่ 2 ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 324,000 ตารางเมตร ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) จังหวัดชลบุรี ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Green & Sustainable Manufacturing โดยใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ควบคู่กับการสร้างงานในพื้นที่กว่า 3,000 ตำแหน่งอันนำไปสู่การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน โรงงานแห่งนี้ยังถือเป็น ยุทธศาสตร์สำคัญของไฮเออร์ ในการเสริมศักยภาพการผลิตและการส่งออก รองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในอาเซียน ตะวันออกกลาง และตลาดโลก พร้อมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งภายในประเทศ ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วนจนถึงการประกอบขั้นสุดท้าย ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าและเพิ่มความยืดหยุ่นในการแข่งขัน เพื่อพัฒนาให้เป็นฐานนวัตกรรมด้านเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะในการตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

“การเข้ามาลงทุนของไฮเออร์ยังตอกย้ำให้เห็นภาพลักษณ์ด้านความเชื่อมั่นประเทศไทยที่มีจุดแข็งทั้งการมีแรงงานฝีมือที่ปรับตัวได้รวดเร็ว โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่เชื่อมต่อได้ครบทั้งภูมิภาค และระบบนิเวศทางอุตสาหกรรมที่สามารถรองรับการเติบโตของผู้ประกอบการทุกระดับ ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ท้องถิ่นไปจนถึงการวิจัยและพัฒนา ถือเป็น ‘Innovation Ecosystem’ ที่ความแตกต่างจากในภูมิภาค การลงทุนครั้งนี้ยังช่วยเสริมแบรนด์     ‘Made in Thailand’ ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยสะท้อนคุณภาพ มาตรฐาน และความน่าเชื่อถือที่สอดคล้องกับตลาดและผู้บริโภค

นอกจากนี้ ไฮเออร์มีแผนการลงทุนระยะยาวที่ไม่ได้มุ่งเพียงแค่การสร้างโรงงาน แต่พร้อมต่อยอดสู่การพัฒนาระบบการผลิตครบวงจรในรูปแบบ Smart Factory ใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง ควบคู่กับการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมและ R&D เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกันยังมุ่งสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ (New S-Curve) ของประเทศไทย และเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งมั่นใจว่าก้าวต่อไปของไฮเออร์จะช่วยผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะที่สำคัญของอาเซียน” มร. โจว หยุนเจี๋ย กล่าวสรุป

สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติม ข้อมูลข่าวสาร โปรโมชัน และกิจกรรมอื่น ๆ จากไฮเออร์ได้ที่ Facebook: Haier Thailand, Instagram: @haierthailand_official, X (Twitter): @ThailandHaier, YouTube: @HaierThailandOfficial, TikTok: @haier_thailand และ Line OA : @haierthailand หรือดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://www.haier.com/th

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon