
มิติหุ้น – สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผนึกกำลังเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เปิดพื้นที่นำเสนอผลสำเร็จของการเชื่อมโยงนวัตกรรมจากสตาร์ตอัปด้านการเกษตรสู่เกษตรกรไทย ในกิจกรรม AgTech Connext 2025: Demo Day โดยปีนี้ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สภาเกษตรกรแห่งชาติ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 50 กลุ่ม ใน 5 จังหวัด นำร่อง ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ยโสธร อำนาจเจริญ เพชรบูรณ์ และพัทลุง สามารถส่งผลให้เกิดการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ได้มากกว่าร้อยละ 20
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า NIA เชื่อมั่นว่า นวัตกรรมไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากแต่เป็นพลังที่จะขับเคลื่อนเกษตรกรไทยให้ก้าวทันโลกของการแข่งขันได้อย่างมั่นคงและยืนหยัดอย่างภาคภูมิบนเวทีโลก ความสำเร็จของโครงการ AgTech Connext 2025 ไม่ได้สะท้อนเพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยี แต่คือการสร้าง ‘ความหวังใหม่’ ให้กับภาคเกษตรไทยที่จะทำให้เกษตรกรไทยเข้าถึงนวัตกรรมที่จับต้องได้ ใช้งานได้จริง และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ อย่างยั่งยืน โครงการ AgTech Connext 2025 ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมครอบคลุมทุกขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิตข้าว ตั้งแต่การเพาะปลูก การจัดการแปลงนา การตรวจสอบคุณภาพข้าว ไปจนถึงการแปรรูปและการตลาด พร้อมนำเสนอนวัตกรรมสำคัญจาก 6 สตาร์ตอัปที่จะช่วยพลิกโฉมการเพาะปลูกข้าวตลอดห่วงโซ่มูลค่าเพิ่ม ได้แก่
- อีซีไรซ์: ตรวจสอบพันธุ์และคุณภาพข้าวด้วยปัญญาประดิษฐ์
- ไบโอม: จุลินทรีย์ช่วยฟื้นฟูดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นข้าว
- ลิสเซินฟิลด์: วิเคราะห์ข้อมูลแปลงนาและคุณภาพดินด้วย AI เพื่อวางแผนการเพาะปลูกอย่างแม่นยำ
- อินเซ็กโต้: กับดักแมลงพลังงานแสงอาทิตย์ ลดการใช้สารเคมีในแปลงนา
- ไทยทรานมิสชั่น: ระบบบาร์โค้ดบริหารจัดการคลังสินค้าข้าว
- วาริชธ์: แปรรูปข้าวเป็นของว่างโปรตีนสูง พร้อมต่อยอดสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
“นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการทำการเกษตรแม่นยำ พร้อมเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความเสี่ยงทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังของเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ตอัปไทยที่นำไปใช้ได้จริง และช่วยเปลี่ยนแปลงภาคเกษตรไทยให้ก้าวสู่ยุคสมัยใหม่อย่างยั่งยืน” ดร.กริชผกา กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายเกียรติศักดิ์ พระวร ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวเพิ่มเติมว่า งาน AgTech Connext 2025 Demo Day ถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถของเกษตรกรไทยในการปรับตัวและก้าวสู่เกษตรสมัยใหม่การเปลี่ยนแปลงสู่การเกษตรยุคใหม่ไม่เพียงเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตหรือรายได้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับชีวิตเกษตรกรไทย การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในแปลงนา การจัดการแปลงนา การตรวจสอบคุณภาพผลผลิต และการต่อยอดสู่การตลาด เป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้เกษตรกรสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ในขณะเดียวกัน ธ.ก.ส. ยังมีบทบาทด้านสินเชื่อที่สำคัญ โดยสนับสนุนเงินทุนให้แก่เกษตรกรที่ต้องการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต การแปรรูป และการตลาด เพื่อให้สามารถขยายศักยภาพการดำเนินธุรกิจเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
“ธ.ก.ส. ยึดมั่นนโยบายความยั่งยืน (Sustainability Policy) ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การรักษาสิ่งแวดล้อม และการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรไทย เราเชื่อว่าเกษตรกรทุกท่านคือกำลังสำคัญในการพัฒนาภาคเกษตรให้เข้มแข็งและยั่งยืน ดังนั้น การสนับสนุนและการยกย่องเกษตรกรที่นำเทคโนโลยีมาใช้จริง จึงไม่ใช่เพียงการให้รางวัล แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้ทุกท่านก้าวต่อไปอย่างมั่นคง โดย ธ.ก.ส. พร้อมจะเดินเคียงข้างเกษตรกรไทยทุกคน เพื่อให้เกษตรกรรมไทยก้าวสู่ความเข้มแข็ง ยั่งยืน และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้ประเทศชาติ”
สำหรับงาน AgTech Connext 2025: Demo Day ยังมีกิจกรรมมอบรางวัลแก่กลุ่มเกษตรกรที่มีความโดดเด่น สามารถนำเสนอการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากสตาร์ตอัปได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูกข้าว สื่อสารเกิดการรับรู้ในวงกว้าง โดยได้รับเงินรางวัลสนับสนุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยมีผลการตัดสินรางวัล จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและเอกชน ดังนี้
- รางวัลชนะเลิศ พร้อมรับเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ กลุ่มทำนาอินทรีย์สภาชุมชนบ้านตะโหมด จ.พัทลุง
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 พร้อมรับเงินรางวัล 10,000 บาท ได้แก่ ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลชอนไพร จ.เพชรบูรณ์
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 พร้อมรับเงินรางวัล 5,000 บาท จำนวน 3 รางวัล รวมเป็น15,000 บาท ได้แก่
1. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวปลอดภัยหนองน้ำใหญ่ จ.พระนครศรีอยุธยา 2. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์และข้าวอินทรีย์บ้านคำครตา จ. ยโสธร และ 3. วิสาหกิจชุมชนครอบครัวอบอุ่นเลิกเหล้าบ้านคำกลาง จ. อำนาจเจริญ
- รางวัล Popular Vote พร้อมรับเงินรางวัล 5,000 บาท สำหรับเกษตรกรที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากผู้เข้าชมงาน ได้แก่ กลุ่มทำนาอินทรีย์สภาชุมชนบ้านตะโหมด จ.พัทลุง
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้จริง และเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของเกษตรกรไทยในการปรับตัวสู่เกษตรสมัยใหม่อย่างยั่งยืน ผลสำเร็จของ AgTech Connext 2025 ตอกย้ำบทบาทของ NIA ในการเป็น “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor)” ที่พร้อมขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมไทย โดยเฉพาะด้านเกษตรและอาหาร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ เพื่อต่อยอดสู่การสร้างเกษตรสมัยใหม่ที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon