
มิติหุ้น – บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานระดับสากล ไม่หยุดอยู่แค่การเป็น “ผู้ผลิตไฟฟ้า” แต่เดินหน้าสร้างคุณค่าใหม่ในห่วงโซ่พลังงาน ภายใต้จุดยืน “บุกเบิกนวัตกรรมพลังงาน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Pioneering Energy, Empowering Tomorrow)” ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการดำเนินธุรกิจในจีน BPP ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (CHPs) 3 แห่ง ในเมืองเจิ้งติ้ง โจวผิง และหลวนหนาน รวมถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างซานซีลู่กวง (SLG) โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อย่างมีประสิทธิภาพ (High Efficiency, Low Emissions: HELE) จากการดำเนินงานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำกว่าเกณฑ์ บริษัทจึงมีศักยภาพในการต่อยอดสู่ธุรกิจคาร์บอนเทรดดิ้ง โดยนำสิทธิคาร์บอนส่วนเกินไปสร้างมูลค่าในตลาดซื้อขาย และสร้างรายได้ผ่านการขายสิทธิจากการลดการปล่อยคาร์บอน (Carbon Emission Allowances: CEAs) อีกทั้ง บริษัทยังได้นำนวัตกรรมการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลร่วมในกระบวนการผลิตไฟฟ้า (Biomass Co-firing) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการลดการปล่อย CO2 และสร้างรายได้จาก CEAs เพิ่มเติมในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายระบบท่อส่งไอน้ำที่โรงไฟฟ้าโจวผิง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของจีนภายในปี 2060 พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตธุรกิจและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า “นอกจากการผลิตและส่งมอบพลังงานคุณภาพสูงที่เชื่อถือได้แล้ว อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของเราคือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่ยั่งยืนด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน เราใช้จุดแข็งจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ผสานกับนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญเพื่อสร้างคุณค่าทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ผ่านการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การลดคาร์บอนอย่างเป็นระบบ เช่น การนำนวัตกรรม Biomass Co-firing มาใช้ในโรงไฟฟ้า และการขยายระบบท่อส่งไอน้ำแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ Decarbonization ที่เรายึดมั่นปฏิบัติในทุกประเทศที่ดำเนินงาน และเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท”
ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 สามารถขายสิทธิ CEAs จากโรงไฟฟ้า CHPs ทั้ง 3 แห่ง ได้ประมาณ 258,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สร้างรายได้ 19 ล้านหยวน หรือราว 100 ล้านบาท ขณะที่โครงการ Biomass Co-firing ที่โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลผสมกับเชื้อเพลิงหลักในอัตราส่วนร้อยละ 10 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลด CO2 ได้ราว 70,000 ตันต่อปี และสร้างรายได้จากการขายสิทธิ CEAs เพิ่มเติมในระยะถัดไป โดยตั้งเป้าหมายการขายสิทธิ CEAs ตลอดปี 2568 ที่ 290,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ขณะที่โรงไฟฟ้าโจวผิงและหลวนหนานยังอยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการ สำหรับโครงการขยายระบบท่อส่งไอน้ำของโรงไฟฟ้าโจวผิง ได้เริ่มก่อสร้างสายเหนือ (North Line) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีแผนขยายเพิ่มเติมในสายตะวันตกและสายตะวันออก (West & East Line) เพื่อส่งไอน้ำแก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในพื้นที่ โครงการนี้มีบทบาทสำคัญในการลดการพึ่งพาโรงผลิตไอน้ำที่มีประสิทธิภาพต่ำและปล่อยคาร์บอนสูง พร้อมยกระดับคุณภาพอากาศ ซึ่งช่วยให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างสมดุล เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จครบทุกสายจะมีกำลังผลิตไอน้ำรวม 720,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มอีกกว่า 240 ล้านหยวนต่อปี หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท
“การต่อยอดธุรกิจในจีนสะท้อนความมุ่งมั่นของ BPP ในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่ง นอกเหนือจากโครงการในจีนแล้ว บริษัทยังตอกย้ำกลยุทธ์ Decarbonization ผ่านการร่วมลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) ‘Cotton Cove’ ที่รัฐเท็กซัส ในสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่ม COD ในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ด้วยศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนเฉลี่ย 32,000 เมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี” นายอิศรา นิโรภาส กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon