มิติหุ้น – Investment Strategy
• สรุปภาพรวมตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (30 ก.ย.) และปรับตัวขึ้นทั้งในรายเดือนและรายไตรมาส แม้ว่านักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถูกปิดทำการ (ชัตดาวน์) ซึ่งอาจทำให้การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญมีความล่าช้า และ ส่งผลให้แนวโน้มนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เผชิญกับความไม่ชัดเจน
โดย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,397.89 จุด เพิ่มขึ้น 81.82 จุด หรือ +0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,688.46 จุด เพิ่มขึ้น 27.25 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,660.01 จุด เพิ่มขึ้น 68.86 จุด หรือ +0.30%
• สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่นๆ ภาพข้างต้นยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 18 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ 3,873.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 95 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.02 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังมีข่าวว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกในเดือนพ.ย. รวมทั้งการที่ภูมิภาคเคอร์ดิสถานของอิรักได้กลับมาส่งออกน้ำมันผ่านทางตุรกีอีกครั้ง
• SET Index: เราคาดกรอบ SET Index วันนี้ที่ระดับ 1,270-1,300 จุด จับตาแนวรับบริเวณ 1,270-1,275 จุด เนื่องจากเป็นแนวรับสำคัญ และ เมื่อวานที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเศรษฐกิจเดือน ส.ค. 2025 โดย เศรษฐกิจไทยภาพรวมชะลอตัวในเดือนสิงหาคม 2025 เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน โดย
เราปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของ GDP ปี 2025F เป็น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากเรามีมุมมองเชิงบวกต่อโครงการคนละครึ่ง (เทียบกับเงิน 10,000 บาทของรัฐบาลชุดก่อน) เนื่องจากเราคาดว่าคนละครึ่งมีตัวคูณ (Multiplier effect) ที่สูงกว่าที่ 1.2-1.4x เท่า (เทียบกับ 0.4-0.9x เท่าจากการแจกเงินสด)
สำหรับต่างประเทศ สัปดาห์นี้ติดตาม ตัวเลขตลาดแรงงาน Nonfarm Payrolls ในวันศุกร์ รวมถึง แนวโน้มที่สหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญภาวะชัตดาวน์ในช่วงสิ้นเดือน และ China’s Golden Week เริ่ม 1 ต.ค. 2025
หุ้นแนะนำ
KBANK:
แม้กำไรก่อนตั้งสำรองและกำไรสุทธิใน 3Q25 ของกลุ่มธนาคารน่าจะได้รับผลกระทบจากยอดสินเชื่อที่ลดลงและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ เรายังชอบกลุ่มธนาคารเนื่องจากผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และ ปัจจุบัน กลุ่มธนาคารซื้อขายอยู่ที่ P/BV 0.6x ในปี FY25
(Take profit : 169.50 / Stop loss : 166.50)
CPALL:
เราปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของ GDP ปี 2025F เป็น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากเรามีมุมมองเชิงบวกต่อโครงการคนละครึ่ง (เทียบกับเงิน 10,000 บาทของรัฐบาลชุดก่อน) และ เราคาดว่าคนละครึ่งมีตัวคูณ (Multiplier effect) ที่สูงกว่าที่ 1.2-1.4x เท่า (เทียบกับ 0.4-0.9x เท่าจากการแจกเงินสด) เพราะเงินคนละครึ่งถูกนำไปใช้จ่ายในเศรษฐกิจจริงแทนที่จะเป็นการชำระหนี้
(Take profit : 48.50 / Stop loss : 46.50)
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon