TISCO ESU ชี้การผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบในช่วงท้ายปีนี้ หนุนสมมุติฐานของเราที่ประเมินราคา WTI 55-60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

15

Source: EIA, Dallas Fed, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)

  • สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 13.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ค. 2025 คิดเป็นการเติบโต +0.05 ล้านบาร์เรลต่อวัน MoM และ +1.05 ล้านบาร์เรลต่อวัน YoY และยังทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์
  • การผลิตน้ำมันที่เร่งตัวขึ้นในช่วงกลางปี ส่งผลให้แนวโน้มระยะกลางของการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในทิศทางของการเติบโตอีกครั้ง หลังจากที่แทบไม่เพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วงปี 2024 และต้นปี 2025 และทำให้การเติบโต YoY เมื่อเทียบกับช่วง 7 เดือนแรกในปีก่อนหน้า เพิ่มสูงขึ้นเป็น +0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • อย่างไรก็ดี แม้การผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ จะเร่งตัวขึ้นเกินกว่าคาดการณ์ของเรา แต่เราคาดว่าอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยเฉพาะตัวในระยะสั้น คือการที่ผู้ผลิตเร่งขุดเจาะน้ำมันมาเพื่อจำหน่ายในราคาที่ Hedged ไว้ที่ประมาณ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากผลของราคาที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่สงครามในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อช่วงกลางปี ทว่าในระยะยาว เรายังคงคาดว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอตัวลงชัดเจนในปี 2026 เมื่อผลของการ Hedging ลดลง
  • โดยสมมุติฐานระยะยาวของเรา สอดคล้องกับดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจของผู้ผลิตพลังงานในสหรัฐฯ จัดทำแบบสำรวจรายไตรมาสโดย Fed สาขา Dallas (Dallas Fed Energy Survey: Business Activity Index) ประจำไตรมาสที่ 3/2025 ที่หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง (-6.5 จุด) สะท้อนระดับกิจกรรมการผลิตพลังงานในสหรัฐฯ ที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
  • นอกจากนี้ หากวิเคราะห์เจาะจงไปที่ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเฉพาะบริษัทค้นหาและผลิตพลังงาน (E&P Firms) ในส่วนที่บ่งชี้ถึงการขยายตัว (Expansion indicators) จะพบว่าการผลิตน้ำมัน (-8.6 จุด), การลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาว (Capital Expenditures: -5.3 จุด), เวลาในการส่งมอบสินค้า (Supplier Delivery Time: -3.3 จุด), เวลาการทำงาน (-3.2 จุด) และมุมมองของบริษัท (Company outlook: -20.0 จุด) ปรับแย่ลงทั้งหมด ขณะที่จำนวนแรงงาน (+1.1 จุด) ขยายตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  • ในทางตรงกันข้าม ดัชนีบ่งชี้ต้นทุน (Cost indicators) ได้แก่ค่าจ้าง (8.6 จุด), ต้นทุนค้นหาและพัฒนา (22.0 จุด), รายจ่ายดำเนินการ (Lease operating expenses: 36.9 จุด) และความไม่แน่นอน (39.8 จุด) กลับเพิ่มสูงขึ้นทั้งหมด
  • นอกจากนี้ ในบทสัมภาษณ์กับกลุ่มผู้บริหารบริษัทพลังงาน ยังให้ความเห็นไปในทิศทางค่อนข้างเป็นลบชัดเจนต่อแนวโน้มของอุตสาหกรรมในระยะข้างหน้า จากผลของราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงใกล้ต้นทุน ผลกระทบจาก Tariff และความผันผวนของภาวะภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้เราคาดว่าการเร่งตัวขึ้นของการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ในครั้งนี้อาจอยู่ได้เพียงระยะสั้น หากราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวอยู่ใกล้เคียงระดับปัจจุบันต่อไป
  • กระนั้น การผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เซอไพรส์สูงกว่าคาด ประกอบกับการผลิตน้ำมันของ OPEC ที่ทยอยยกเลิกมาตรการลดการผลิต และเดินหน้าเร่งการผลิตเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เราประเมินราคาน้ำมันดิบยังมีความเสี่ยงด้านต่ำในช่วงท้ายปีนี้ และอาจลากยาวไปจนถึงประมาณไตรมาสแรกของปี 2026 เราจึงมองราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ในกรอบ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงดังกล่าว โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือการประชุมพิเศษรายเดือนของกลุ่ม OPEC8+ ในวันอาทิตย์ที่ 5 ต.ค. นี้ หลังมีแหล่งข่าวระบุว่าทางกลุ่มอาจพิจารณาเร่งยกเพดานโควต้าการผลิตให้เร็วขึ้น จากที่คาดจะทยอยเพิ่มขึ้นเดือนละ 140,000 บาร์เรลต่อวัน กลายเป็นเพิ่มขึ้นสูงถึง 500,000 บาร์เรลต่อวันสำหรับเดือน พ.ย. นี้

Today’s Data Releases

  • ญี่ปุ่น, ยูโรโซน และสหรัฐฯ: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Services PMI) เดือน ก.ย.
  • ยูโรโซน: ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ส.ค.
  • สหรัฐฯ: การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Change in Nonfarm Payrolls), อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน ก.ย.

Key economic indicators

Source: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon