
มิติหุ้น – มาสเตอร์การ์ดเน้นย้ำความสำคัญของการกำหนดกรอบการดำเนินงานภายใต้มาตรฐานเดียวกันในทุก ๆ ภาคส่วน เพื่อยกระดับการป้องกันการฉ้อโกงในระดับชาติและการแก้ไขปัญหาหลอกลวงที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน ภายในงาน Bangkok Digital Finance Conference 2025 ที่ผ่านมา
ออเดรย์ วอง (Audrey Wong) รองประธานฝ่ายโซลูชันการต่อต้านอาชญากรรมทางการเงินและบริการคริปโต ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด ระบุว่า “วิกฤตการณ์หลอกลวงที่เกิดขึ้นทั่วอาเซียนสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน เพราะวิธีการป้องกันแบบดั้งเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป เนื่องจากมิจฉาชีพในปัจจุบันสามารถปฏิบัติการได้ทั้งข้ามพรมแดนและข้ามแพลตฟอร์ม อีกทั้งยังมาในรูปแบบที่หลากหลาย ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นคือการแบ่งปันข้อมูลธุรกรรมระหว่างสถาบัน การกำหนดมาตรฐานร่วมในระบบตรวจจับและยืนยันตัวตน รวมถึงการนำเทคโนโลยีที่สามารถปรับตัวต่อกลโกงใหม่ ๆ มาใช้ได้อย่างทันท่วงที”
จากข้อมูลของ Global Anti-Scam Alliance พบว่า ประชาชนในภูมิภาคอาเซียนกว่า 63% รายงานว่าเคยตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงในปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนเกือบ 1 ใน 4 ของผู้ใหญ่ทั้งหมดต้องประสบกับความเสียหายทางการเงิน รวมมูลค่าความสูญเสียรวมทั้งสิ้นกว่า 740,000 ล้านบาท ซึ่งในประเทศไทยเพียงประเทศเดียวคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 115,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ ออเดรย์ วอง ยังได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของการใช้มาตรฐานกลางในต่างประเทศ โดยระบุว่า สหราชอาณาจักร (UK) เป็นประเทศที่มีการกำหนดระบบมาตรฐานแห่งชาติในการแบ่งปันข้อมูลธุรกรรม (National Scam Utility) ระหว่างเครือข่ายการเงิน ซึ่งการกำหนดกรอบการมาตรฐานนี้ช่วยลดการฉ้อโกงได้ถึง 20% และสามารถป้องกันความสูญเสียได้กว่า 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,200 ล้านบาท) ต่อปี
สำหรับประเด็นด้านการยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล (Digital Identity) ออเดรย์ วอง ให้ความเห็นว่าควรมีการยกระดับขั้นตอนการยืนยันตัวตนให้มากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี Deepfake ทำให้การปลอมแปลงตัวตนเป็นเรื่องง่ายขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ หันมาใช้มาตรฐานการยืนยันตัวตนร่วมกันที่สามารถใช้งานได้ข้ามระบบและข้ามพรมแดน
ออเดรย์ วอง ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทการเปลี่ยนแปลงของปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยสังเกตเห็นถึงความสามารถในการช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลและสถาบันทางการเงินรวมสัญญาณต่าง ๆ ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน และปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อรูปแบบการฉ้อโกงรูปแบบใหม่ ทำให้สามารถเปลี่ยนจากแนวทางแบบดั้งเดิมที่อิงตามกฎเกณฑ์ไปเป็นการป้องกันเชิงรุกที่อิงตามข่าวกรองมากขึ้นได้
“สิ่งที่เรากำลังพยายามทำในการสู้กับการฉ้อโกงนั้นเรียบง่าย นั่นคือความไว้วางใจ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ” ออเดรย์ วอง กล่าว “แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง แต่ต้องอาศัยมาตรฐานร่วมกันระหว่างประเทศ ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างสถาบันและหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการปกป้องผู้บริโภค มาสเตอร์การ์ดมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนความพยายามเหล่านี้ ตั้งแต่ระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนที่ปลอดภัยไปจนถึงการป้องกันการฉ้อโกงด้วย AI เพื่อสร้างระบบการเงินที่ปลอดภัยและยืดหยุ่นยิ่งขึ้นสำหรับภูมิภาคนี้”
มาสเตอร์การ์ดยังคงขยายชุดโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการป้องกันการฉ้อโกงทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยล่าสุดได้เปิดตัว TRACE บริการป้องกันการฟอกเงินขั้นสูงที่ใช้ AI ในการตรวจจับและป้องกันอาชญากรรมทางการเงินในระบบชำระเงินแบบเรียลไทม์ มาสเตอร์การ์ดมุ่งมั่นที่จะลงทุนและขยายนวัตกรรมเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
งาน Bangkok Digital Finance Conference 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 กันยายนที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “Building ASEAN Financial Corridor” โดยมีการเสวนาครอบคลุมประเด็นสำคัญ อาทิ การชำระเงินข้ามพรมแดน การยืนยันตัวตนดิจิทัล โทเคนไนซ์ทางการเงิน การเงินที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Finance) รวมถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งงานนี้จัดขึ้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทยและองค์กร Global Finance & Technology Network ร่วมกับสมาคมฟินเทคประเทศไทย (Thai Fintech Association) โดยมีมาสเตอร์การ์ดเข้าร่วมการเสวนาเวทีหลักด้วย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon