TISCO ESU ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น 2.1% จากเดิมที่คาด 1.9% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้าย และผลกระทบจากภาษีทรัมป์ที่น้อยกว่าคาด ขณะที่ยังคงคาดการณ์ของปี 2026F ไว้ที่ 1.6% ตามเดิม

21

Source: BoT, NESDC, MOC, FPO, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)

  • บทสรุปนโยบายเศรษฐกิจ ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ประกาศนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อเร่งขับเคลื่อนประเทศในช่วง 4 เดือนข้างหน้า ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” ซึ่งมุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะติดหล่ม โดยกระตุ้นสั้น (Quick) คือ ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและเห็นผลทันทีภายใน 4 เดือน มีขนาดใหญ่ (Big) พอที่จะสามารถดันเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะติดหล่มได้ และที่สำคัญต้องกระจายตัว (Win) ต้องเกิดประโยชน์กับประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยอย่างทั่วถึง นโยบายดังกล่าวประกอบด้วย 5 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ 1. กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว 2. แก้หนี้ประชาชน โดยเฉพาะการแก้หนี้เสียภาคครัวเรือน (NPL) 3. การช่วยเหลือธุรกิจ SME 4. เพิ่มการออมภาคประชาชน และ 5. การสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต มุ่งปลดล็อกการลงทุนที่ค้างท่อ
  • เรามองว่าในรายละเอียดของนโยบายที่สำคัญและน่าจะมีผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยได้จริง คือ 2 ด้าน ได้แก่ ส่วนแรกของการบริโภคเอกชน ผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งเป็นการต่อยอดโครงการเดิม และการแจกเงินต่อยอดโครงการ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” โดยมีงบประมาณรวมกันราว 66,780 ล้านบาท โดยถือว่าเป็นเม็ดเงินขนาดใหญ่กว่าที่เราประเมินไว้ โดยหากรวมกับเม็ดเงินที่ประชาชนจะนำออกมาใช้จ่ายอีก 44,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 110,780 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระยะเวลาโครงการที่มีอายุเพียง 2 เดือน (พ.ย – ธ.ค. 2025) ประกอบกับสถานการณ์รายได้ครัวเรือนที่ยังไม่ฟื้น ภาวะการเงินที่ตึงตัวและหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ลดลงจากปัจจัยความเสี่ยงที่ยังมีอยู่ ทำให้เราประเมินว่าโครงการดังกล่าวจะอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 0.2ppt ต่อ GDP สำหรับปี 2025F
  • นอกจากนี้ ในส่วนที่สองที่คาดว่าจะช่วยส่งเสริมการลงทุน (FDI) คือรัฐบาลจะจัดทำ “Fast Plus Pass” เป็นช่องทางด่วนเพื่อเร่งรัดการอนุมัติโครงการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI แล้วแต่ยังไม่เริ่มลงทุน ซึ่งรัฐบาลระบุว่ามีอยู่สูงถึง 470,000 ล้านบาท (ราว 24% ของ FDI ในปี 2024) โดยเฉพาะด้านดิจิทัลที่ในครึ่งปีแรก 2025 มีการอนุมัติแล้วกว่า 410,000 ล้านบาท อาทิ โครงการลงทุน Data Center แต่เนื่องจากติดปัญหาด้านการขออนุญาตในเรื่องต่างๆ  ถ้าหากสามารถเร่งให้เข้ามาลงทุนได้จริงภายใน 4 เดือน คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนต่อเศรษฐกิจไทย นอกเหนือจากการบริโภคเอกชน
  • โดยสรุป เราประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2025F จะขยายตัวได้ราว 2.1% YoY (จากเดิม 1.9% YoY) มาจากการปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตในไตรมาส 4 เป็น 0.7% YoY (จากเดิม 0.0% YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการบริโภคเอกชน และการส่งออกสินค้า โดยผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ต่อการส่งออกของไทยต่ำกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการส่งออกยังได้รับแรงหนุน จากการยกเว้นภาษีในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน ส่งผลให้เราปรับคาดการณ์มูลค่าการส่งออกสินค้าในปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 8.9% YoY (จากเดิม 5.8% YoY)
  • อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากหลายภาคส่วน แต่ยังคงมีปัจจัยฉุดรั้งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ยังน่าเป็นห่วง โดยเรามีการปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลงมาอยู่ที่ 32.5 ล้านคน จากเดิมที่ประเมินไว้ 33.5 ล้านคน
  • ทั้งนี้ แม้จะมีมาตรการเที่ยวไทยคนละครึ่งมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงเดือนก.ค. – ต.ค. 2025 รวมถึงมาตรการการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง เพื่อลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า และ 1.5 เท่า สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาจะเข้าประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีผลตั้งแต่ 29 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2025 เพื่อเป็นแรงหนุนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารายได้จากการท่องเที่ยว พบว่า แม้รายได้จากท่องเที่ยวในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 ขยายตัว 4.8% YoY แต่รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งของรายได้รวมจากการท่องเที่ยวยังคงหดตัวที่ -6.8% YoY ส่งผลให้รายรับจากภาคการท่องเที่ยวรวมในช่วง 9 เดือนแรกยังคงหดตัว -2.4% YoY ดังนั้น เราจึงประเมินว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ยังมีแนวโน้มที่จะหดตัวต่อเนื่อง จากแรงกดดันของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่

Today’s Data Releases

  • ยูโรโซน: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย.
  • สหรัฐฯ: ยอดที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts), ยอดใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits), ดัชนีราคานำเข้า (Import Price Index) และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือน ก.ย.

Key economic indicators

Source: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon