Source: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)
- ดัชนีหุ้น Nikkei 225 ของญี่ปุ่นปิดเหนือระดับ 49,300 จุดเมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และในระหว่างวันมีจังหวะที่ขยับเข้าใกล้ระดับ 50,000 จุดซึ่งเป็นแนวต้านเชิงจิตวิทยาสำคัญ
- โดยหากวัดผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ดัชนี Nikkei ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 24% นับเป็นอีกตลาดหุ้นหลักที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีหุ้นโลก หรือ MSCI ACWI ที่ปรับขึ้นมาราว 19% YTD
- เราประเมินว่าหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยการเมืองเป็นหลัก หลังจากที่นาย Ishiba อดีตนายกรัฐมนตรีที่มีจุดยืนค่อนข้างเข้มงวดต่อนโยบายการคลัง ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้นาง Sanae Takaichi คว้าตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP และขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน พร้อมทั้งเสริมเสถียรภาพให้กับรัฐบาลด้วยการประกาศร่วมมือกับพรรค Ishin ซึ่งเป็นอดีตฝ่ายค้าน ทำให้จำนวนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันมีมากกว่าเมื่อครั้งที่พรรค Komeito ยังเป็นพรรคร่วมเสียอีก
- ภูมิทัศน์การเมืองที่ชัดเจนขึ้น ประกอบกับจุดยืนต่อนโยบายการคลังของนาง Takaichi และพรรค Ishin ที่สนับสนุนนโยบายเชิงผ่อนคลายอย่างมาก อาทิ การปรับลดหรือยกเว้นภาษีในสินค้าบริโภคอย่างเช่นน้ำมันและอาหาร หรือการปรับเพิ่มรายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีเงินได้ เพื่อรักษาโมเมนตัมการบริโภคภายในประเทศที่กำลังฟื้นตัวให้ดำเนินต่อไป ซึ่งเป็นแนวคิดที่คล้ายคลึงกับในสมัยของ Shinzo Abe ก่อให้เกิด “Takaichi Trade” ที่หนุนให้หุ้นญี่ปุ่นปรับสูงขึ้น ค่าเงินเยนอ่อนลง และ Yield curve ของพันธบัตรรัฐบาลมีความชันขึ้น
- นอกจากนี้ นักวิเคราะห์และตลาดทุนยังมองว่าการขึ้นดำรงตำแหน่งของนาง Takaichi จะสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ช้าลงอีกด้วย โดยปัจจุบันตลาด OIS ให้น้ำหนักโอกาสที่ BoJ จะปรับดอกเบี้ยขึ้นในการประชุมปลายเดือน ต.ค. ลดลงเหลือเพียง 13% จากที่เคยมองว่ามีโอกาสสูงถึงเกือบ 70% กลายเป็นอีกปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น
- ในระยะข้างหน้า นโยบายการเงินทั้งจากฝั่งสหรัฐฯ ที่คาดจะลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องในปีนี้และปีหน้า ประกอบกับมาตรการ Quantitative Tightening ที่กำลังจะสิ้นสุดลง ขณะที่ฝั่งญี่ปุ่นก็อาจต้องรักษานโยบายการเงินไว้ไม่ให้เป็นภาระต่อการคลัง (Fiscal Dominance) จึงมีแนวโน้มที่จะถูกคงไว้ในระดับค่อนข้างผ่อนคลาย และระดับ Valuation โดยเปรียบเทียบที่ยังค่อนข้างถูกกว่าหุ้นสหรัฐฯ ทำให้เรายังคงมุมมองบวกต่อหุ้นญี่ปุ่นในช่วงปลายปีนี้
Today’s Data Releases
- ญี่ปุ่น: ยอดนำเข้า – ส่งออก (Imports – Exports) และดุลการค้า (Trade Balance) เดือน ก.ย.
- อังกฤษ: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย.
- สหรัฐฯ: รายงานปริมาณการยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBA Mortgage Applications) สิ้นสุดสัปดาห์ ณ วันที่ 17 ต.ค.
Key economic indicators
Source: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon