KLINIQ ย้ายเทรด SET ประเดิม 7 พ.ย.นี้

45

มิติหุ้น – บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม หรือ KLINIQ ผู้นำธุรกิจคลินิกความงามครบวงจรของไทย ประกาศความสำเร็จอีกก้าวสำคัญ หลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อนุมัติการย้ายเข้าจดทะเบียนจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายในกระดานหลักของ SET อย่างเป็นทางการ สะท้อนความแข็งแกร่งของพื้นฐานธุรกิจและศักยภาพการเติบโต วางแผน 3 ปี วิ่งสู่เป้าหมาย 100 สาขา ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ชู THE KLINIQUE แบรนด์หลักลุยตลาดกำลังซื้อสูง บวก L.A.B.X จับกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นทำงาน ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 20-25% คาดเห็นรายได้รวมเกิน 5,000 ล้านบาท ในปี 2571

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ กล่าวว่า การย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายฐานนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบัน และกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มองเห็นศักยภาพของธุรกิจความงามระดับพรีเมียมของไทย ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ  โดย KLINIQ คงเน้นการขยายการเติบโตภายในประเทศเป็นหลัก ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการติดตามทิศทางเศรษฐกิจและการตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับกำลังซื้อในประเทศ สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ KLINIQ ดำเนินกลยุทธ์การตลาดตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ด้วยจุดแข็งด้านแบรนด์ การบริการ และเทคโนโลยีความงามครบวงจร

สำหรับเป้าหมายสำคัญของ KLINIQ ในการเป็นบริษัทมหาชน คือการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง พร้อมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 กระทั่งเข้าซื้อขายในกระดานหลักของ SET ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน (2565-2567) โดยมีรายได้รวม 1,647.20 ล้านบาท, 2,318.35 ล้านบาท และ 3,008.95 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 205.49 ล้านบาท, 288.62 ล้านบาท และ 322.19 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นการเติบโตนับจากวันเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ปี 2565 ถึงปี 2567 รายได้รวมเติบโต 82.67% ขณะที่กำไรเติบโต 56.79%

ด้านการจ่ายปันผลบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง โดยเริ่มจ่ายครั้งแรกหลังเข้าจดทะเบียน ซึ่งปันผลจากผลการดำเนินงานวันที่ 1 สิงหาคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565 ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ปันผลจากผลการดำเนินงานงวด 1 มกราคม 2566 – 30 มิถุนายน 2566 ที่ 0.55 บาทต่อหุ้น และงวดครึ่งปีหลังปี 2566 อีก 0.75 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานปี 2567 ปันผลระหว่างกาล 0.65 บาทต่อหุ้น และปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.75 บาทต่อหุ้น สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,674.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 174.06 ล้านบาท โดยจ่ายปันผลจการผลการดำเนินงานงวด 1 มกราคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568 อยู่ที่ 0.70 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายปันผลเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

ด้านแผนการดำเนินงานระยะ 3 ปี (2569-2571) KLINIQ ตั้งเป้ามีสาขาครบ 100 สาขารวมทุกแบรนด์ และมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 15% หรือมีรายได้รวมมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยแบรนด์ในเครือ ประกอบด้วย THE KLINIQUE, L.A.B.X, L’CLINIC, KLINIQ WELLNESS SPA และ THE KLINIQUE SURGERY CENTER ซึ่งเป็นศูนย์ศัลยกรรมครบวงจรของบริษัทฯ  และมีแผนการขยายเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมในอนาคต

“การย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาด SET เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการสร้างพื้นฐานธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล และศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ KLINIQ ก้าวสู่ความยั่งยืน พร้อมรักษามาตรฐานความเป็นผู้นำธุรกิจความงามในประเทศไทย” นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ กล่าว 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon