มิติหุ้น – GUNKUL โชว์ศักยภาพกำไรไตรมาส 3 โตแกร่ง 20% เก้าเดือนแรกกำไรสุทธิ 1,309 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติปันผล 0.04 บาท
- แบ็คล็อกไตรมาส 3 เติบโตสูงเป็น 8,000 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้ 1,500 – 2,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4
- บอร์ดอนุมัติ จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.04 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปีเป็น12 ต่อหุ้น คิดเป็น Dividend yield 6.56%
- เตรียมยื่นโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ชุมชน 1,500 MW และ Direct PPA เพิ่มพอร์ตไฟฟ้าสะอาด
- รุกประมูลงาน EPC ขนาดใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท
บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 กำไรสุทธิเติบโต 20% เทียบจากปีที่แล้ว ส่งผลให้ปี 2568 มีกำไรสุทธิรวม 9 เดือนแรกเป็นไปตามเป้าหมายแตะ1,309 ล้านบาท ภาพรวมรายได้ 5,924 ล้านบาท พร้อมโชว์แบ๊คล๊อกสะสมสูงถึง 8,000 ล้านบาท ทยอย record ไตรมาส 4 ปีนี้ 1,300-1,500 ลบ. เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในทุกธุรกิจ มั่นใจในศักยภาพพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการ “โซลาร์ภาคประชาชน” โดยเฉพาะโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ และงาน EPC หลายโครงการใหญ่ทั้งเอกชนและภาครัฐมูลค่าสูง 50,000 ล้านบาท โดยเตรียมรุกผนึกอุตสาหกรรมทำ Direct PPA และจ่อเซ็นสัญญา PPA เพิ่มอีก 319 เมกะวัตต์ เพิ่มพอร์ตไฟฟ้าสีเขียวเป็น 1,585 เมกะวัตต์
นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) กล่าวว่า “ผลประกอบการงวดเก้าเดือน ประจำปี 2568 บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) มีผลงานที่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 3 เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 20% เทียบกับปีที่แล้ว และรวมผลกำไรสุทธิ 9 เดือนอยู่ที่ 1,309 ล้านบาท สะท้อนถึงการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพในปีนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจพลังงานสะอาดทั้งโครงการพลังงานลมและโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ผนวกกับความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการต้นทุน โดยภายใต้กลยุทธ์สมการความก้าวหน้า ทั้ง 3 ธุรกิจหลักของบริษัทฯ สามารถสร้างกำไรผลตอบแทนที่ดีตามเป้าหมาย รวมถึงการชนะประมูลโครงการ EPC เข้ามาเพิ่มเติมในไตรมาส 3 ส่งผลให้ฐานแบ๊คล๊อกของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว สำหรับงวดเก้าเดือนปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,924 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นร้อยละ 36.48 คิดเป็นการเติบโตร้อยละ 5.48 เทียบจากปีที่แล้วซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการบริหารต้นทุนได้อย่างดีเยี่ยม และมีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ 1,381 ล้านบาท และมีอัตราส่วนผลตอบแทน ต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูง 13.21% และอัตราส่วนหนี้สิน ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ (Net IBD/E) ต่ำเพียง 0.92 เท่า ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้นเป็นเงินในกรอบ 345 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) รวมโดยประมาณร้อยละ 6.56 โดยจะขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 และวันไม่ได้รับสิทธิ (XD) ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 11 ธันวาคม 2568
สำหรับภาพรวมของปี 2568 GUNKUL มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าบนจุดแข็งของธุรกิจพลังงานสะอาดที่ครอบคลุม Value Chain ในทุกจุดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และสร้างการเติบโตต่อเนื่องในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก จึงมอง Quick Big Win เป็นหมุดหมายการเติบโตที่บริษัทฯ มีศักยภาพในการเข้าร่วมในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำที่บริษัทฯ มีความพร้อมและศักยภาพสูงในการเข้าร่วมและขยายการดำเนินธุรกิจในส่วนของโซลาร์ภาคประชาชนได้ทุกมาตรการของรัฐบาลที่มีนโยบายส่งเสริมโครงการโซล่าร์ชุมชนเพื่อกระจายการผลิตไฟฟ้าไปสู่ระดับท้องถิ่นที่คาดว่าจะเปิดรับซื้อไฟฟ้ารวมกว่า 1,500 เมกะวัตต์ ครอบคลุมหลายร้อยชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงโอกาสในการเข้าร่วมและขยายการดำเนินธุรกิจภายใต้การขายไฟฟ้าในรูปแบบ Direct PPA ที่จะเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดใหญ่โดยตรง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนโดยตรงต่อบริษัทฯ ที่จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมในอนาคต สำหรับกลางน้ำ GUNKUL มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะรองรับนโยบายภาครัฐในการขยายศักยภาพระบบไฟฟ้าในพื้นที่ EEC จากประสบการณ์ที่บริษัทได้รับเลือกให้เป็นผู้ดูแลโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลโวลต์ มูลค่ากว่า 675 ล้านบาท เชื่อมต่อจาก บางละมุงถึงปลวกแดงไปแล้ว และปลายน้ำที่บริษัทฯ เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้กับธุรกิจ B2C ของ GUNKUL จากมาตรการลดหย่อนภาษีโซลาร์ภาคประชาชนสูงสุด 200,000 บาท รวมถึงธุรกิจ New S – Curve ที่มีความคืบหน้าในไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งเชื่อมั่นจะกลายเป็น Engine ในการสร้างการเติบโตในพื้นที่ตลาดใหม่ๆ สำหรับบริษัทฯ จึงสรุปแนวโน้มในแต่ละกลุ่มธุรกิจดังนี้
- ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียว(Green Power) แนวโน้มภาพครึ่งหลังปีมีทิศทางที่ดี สำหรับ โครงการในประเทศ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล โดยเฉพาะ ในโครงการ วินด์ฟาร์ม ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา และโซลาร์ฟาร์มก็มีปัจจัยจากแสงแดดที่ดีเช่นกัน โดยบริษัทฯ คาดว่าว่าจะเซ็นสัญญา PPA เพิ่มอีก รวมทั้งสิ้นจำนวน 319 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ บริษัทมีพอร์ตโฟลิโอพลังงานไฟฟ้าสีเขียวเพิ่มเป็น 1,585 เมกะวัตต์ และจะทำให้บริษัทมีโครงการที่กำลังพัฒนาและรอจ่ายไฟรวมกว่า 1,000 เมกะวัตต์ที่จะทยอยจ่ายไฟและรับรู้รายได้เพิ่มเติมใน pipeline นี้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ในส่วนของโครงการพลังงาน ไฟฟ้าสีเขียวที่ฟิลิปปินส์ที่อยู่ในขั้นตอนการเจรจาก็มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และต่อยอดความร่วมมือเชิงรุกสำหรับโครงการ Direct PPA ในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมของ GUNKUL สอดรับกับนโยบาย Net Zero ของไทยที่มีการปรับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050
- ธุรกิจรับเหมาไฟฟ้า (EPC) บริษัทฯ ชนะประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่มเติมทำให้ มูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งรวม โครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลโวลต์ ที่บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ในช่วงครึ่งปีแรก โดยจะเตรียมประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (EPC) ทั้งจากภาคเอกชน และหน่วยงานรัฐที่จะช่วยเสริมการเติบโตด้านรายได้ อาทิ โครงการพัฒนาระบบเคเบิลใต้ทะเลขนาด 230 กิโลโวลต์ โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่ EEC นอกเหนือไปจากนั้นในฝั่งของโซลาร์รูฟท็อปที่ได้มีการปลดล๊อกเรื่องการขออนุญาต รวมไปถึงการลดหย่อนภาษีซึ่งเอื้อต่อภาคประชาชนและธุรกิจ SME ก็คาดว่าจะเป็นผลบวก ต่อกลุ่มธุรกิจย่อยของบริษัทฯ ที่ให้ดำเนินการอยู่ภายใต้แบรนด์ GRoof
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า(Manufacturing) หลังผนึกความร่วมมือกับ SUNGROW ผู้นำด้านอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่โซลูชั่นอันดับ 1 ของโลกโดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย บริษัทฯ มีแผนขยายเครือข่าย พาร์ตเนอร์จัดจำหน่ายเชิงรุก โดยจะมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักประกอบด้วย Modern Trade ร้านค้าประจำจังหวัด ผู้รับเหมาและบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจพลังงาน ตั้งเป้ากระจายสินค้าเข้าถึงทุกขนาดกำลังการติดตั้ง ครอบคลุมบ้านเรือน ชุมชน และอุตสาหกรรมทั่วประเทศ รองรับแนวโน้มของตลาดที่เติบโตต่อเนื่องมาตรการ โซลาร์ฟาร์มชุมชน และนโยบายลดหย่อนภาษีโซลาร์เซลล์
ภาพรวมไตรมาส 3 ของปี 2568 นับว่าประสบความสำเร็จตามกรอบ 3 ปีที่วางไว้ ตั้งเป้าโต
10-15% และรายได้รวมใน 3 ปี เติบโตมากกว่า 35,000 ล้านบาท ในส่วนของงบการลงทุน บริษัทฯ มีการวางแนวทางไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวบนความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอพลังงานสะอาดที่มีอยู่จำนวน 1,585 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตสะสมตามโรดแมปแตะ 2,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2570 รวมไปถึงการขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรม New S-Curve ด้าน Green Infrastructure และ Data Center บนเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน ESG และด้วยความใกล้ชิดกับหลายชุมชนจากโครงการที่ผ่านๆ มาจึงเชื่อมั่นว่า จะสามารถสร้างสร้างประโยชน์และคุณค่า ผลตอบแทนที่ดีให้กับทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้บริษัทฯได้เตรียมงบลงทุนประมาณ 40,000 ล้านบาท ในกรอบ 3 – 5 ปี
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon





























