กำไรบจ. ดีเกินคาด มาตรการรัฐหนุนส่งโค้งท้าย

126

สัปดาห์สุดท้ายของการประกาศกำไรบริษัทจดทะเบียนงวด Q3/68   โดย บล.ดาโอ(ประเทศไทย) ระบุว่า ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรบจ.งวด Q3/68  ไว้ที่ 2.59 แสนลบ. โต 30% YoY และลดลง -23% QoQ  ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯได้รวบรวมกำไรจำนวน 393 บริษัท กำไร SET อยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท โต 49% YoY แต่ลดลง 23% QoQ  หรือคิดเป็นสัดส่วน 82% ของกำไรที่เราคาดไว้ และกำไรบจ.ที่ออกมาแล้ว ดีกว่าตลาดคาด 5.6%

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมของไทย  ปริมาณน้ำยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ติดตามสถานการณ์การระบายน้ำอย่างใกล้ชิด หากระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาแตะระดับ 3,000 ลบ.ม./วินาที ผลกระทบและความเสียหายจะมากขึ้น  ซึ่งจะมีต่อผลิตผลทางการเกษตร หุ้นที่มีธุรกิจในภูมิภาคที่น้ำท่วม และหุ้นการเงินที่อาจเจอปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงงานหรือนิคมฯ ส่วนใหญ่ ทำกำแพงกั้นน้ำไว้แล้ว

 

ท่องเที่ยวส่งสัญญาณฟื้น

บล.เอเซียพลัส  มองว่า ตลาดหุ้นไทย ยังถูกต่างชาติขายต่อเนื่อง แม้กำไรงวด Q3/68  จะออกมาดีกว่าคาด 4.5% แต่อาจเป็นความกังวลสถานการณ์น้ำท่วม  นักท่องเที่ยวชะลอ  หุ้นไอพีโอ UNDERPERFORM

กระทรวงท่องเที่ยว อัปเดตสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 9 พ.ย.68 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าไทยราว 27.59 ล้านคน ซึ่งลดลงราว 7.14%YOY และสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 1.275 ล้านล้านบาท แต่หากพิจารณาในสัปดาห์ล่าสุด (3–9 พ.ย. 2568) มีนักท่องเที่ยว ต่างชาติรวมประมาณ 698,389 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 8.42% เฉลี่ยวันละ 99,770 คน ซึ่งปัจจัยที่ช่วย หนุน ได้แก่ ภาวะฤดูกาลท่องเที่ยวที่เข้ามาไฮซีซั่น, มาตรการอำนวยความสะดวกจากรัฐบาล เช่น การยกเว้นบัตร ตม.6 และการกระตุ้นเที่ยวบินเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี

ดังนั้น แม้ภาพรวมปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะ ยังไม่กลับขึ้นเท่ากับปีพีค(2019) แต่มีสัญญาณดีในช่วงไฮซีซั่น และตลาดหลายชาติ โดยเฉพาะ มาเลเซีย จีน อินเดีย เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นชัดเจน YOY ซึ่งน่าจะเป็นตัวพยุง GDP ไทยได้ระดับหนึ่ง โดยภาคท่องเที่ยวคิด เป็นสัดส่วน 12% ของ GDP

 

เกาะติดน้ำท่วม  

ส่วนปัจจัยอย่างน้ำท่วมเป็นอีก 1 สิ่งที่ต้องกังวล และอาจกดดันต่อ GDP ภาพรวมทั้งการบริโภค การลงทุน รวมถึงภาคส่วนท่องเที่ยว โดยน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทำให้ GDP ไทยแทบ “หยุดโต” อยู่ที่เพียง +0.8%YOY(ทั้งปี 2554) จากปกติที่ควรโต 4 –5%YOY สร้างความเสียหายราว 1.4 ล้านล้านบาท (13% ของ GDP) และหลังจาก นั้นรัฐบาลตั้งงบประมาณฟื้นฟู ประมาณ 350,000 ล้านบาท เพื่อซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานและเยียวยาผู้ได้รับ ผลกระทบ

ข้อมูลล่าสุดจากกรมชลประทานระบุว่า ระดับน้ำในเขื่อนหลักของประเทศหลายแห่งอยู่ในเกณฑ์วิกฤต เขื่อน ใหญ่หลายแห่งโดยเฉพาะ ภูมิพลและสิริกิติ์ มีน้ำเกือบเต็มความจุ  ส่งสัญญาณให้ต้องเร่งบริหาร จัดการน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการล้นเขื่อนและลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ

ขณะเดียวกันยังต้องจับตาฝน ปลายฤดูซึ่งอาจเพิ่มปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนอีก หากการระบายน้ำดำเนินไปพร้อมกับฝนตกเพิ่ม มีความเสี่ยงที่ หลายพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนล่างจะเผชิญภาวะน้ำท่วมในระยะสั้น ซึ่งต้องติดตามว่าความรุนแรงจะ เกิดขึ้นวงกว้างและนานเพียงใด

 

มาตรการรัฐหนุนส่งGDP

ทั้งนี้ ปัจจัยน้ำท่วม สิ่งที่ต้องกังวลอาจกดดันต่อGDP โดยเปรียบเทียบน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ทำให้GDP ไทยแทบ “หยุดโต”  GDP ไทยยังน่าเป็นห่วงแต่ใน Q3-Q4/68 น่าจะดีขึ้น   GDP GROWTH Q3/68 ของไทย เตรียมประกาศ 17 พ.ย.68 ทาง BLOOMBERG คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ +1.4%YOY  หากผลลัพธ์ตามคาด จะหนุนให้การเติบโตเชิง QoQ อยู่ที่ -0.3%QoQ และมีความเสี่ยงเกิด TECHNICAL RECESSION ได้

อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะเกิด TECHNICAL RECESSION ยังน้อยอยู่ คาดมี โอกาสเพียง 10-15% เท่านั้น บวกกกับ Q4/68  มีหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากคลัง อาทิ โครงการ เที่ยวดีมีคืน คาดเติมเต็ม GDP ใน Q4/68  ราว 0.04%YoY ส่วนมาตรการคนละครึ่งพลัส + บัตรสวัสดิการ คาด หนุน GDP ใน 4Q68 ราว 0.4%YOY ซึ่งน่าจะเป็นตัวพยุง GDP ไทยให้อยู่ในโซนบวกได้(ไม่เกิด TECHNICAL RECESSION)

              ส่วนอีก 1 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ BOI ได้อนุมัติโครงการศูนย์ข้อมูล (DATA CENTER) ขนาดใหญ่ จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุนเกือบ 100,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน

              พร้อมเงื่อนไขให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการจ้างงานคนไทยไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 3 ปี โดยให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3–8 ปี ตามพื้นที่ลงทุน และยังมีการเปิดตัวมาตรการ “FASTPASS” และโครงการ “QUICK BIG WIN” เพื่อเร่งรัดการอนุมัติ/อนุญาตโครงการลงทุน โดยลดเวลาการ พิจารณาได้ถึง 20-50% จาก 7 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเพิ่ม “ความสะดวกในการลงทุน” (EASE OF DOING BUSINESS) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างประเทศให้ความสำคัญ

 

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon