
มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 309 จุด (-0.65%) นักลงทุนกังวลกับการลดดอกเบี้ยของ FED ที่อาจลดดอกเบี้ยได้ไม่เยอะมากนัก ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.2% กังวลกับอุปทานที่อาจหายไปหลังจากรัสเซียระงับการส่งออกน้ำมัน
วันศุกร์ที่ผ่านมามิได้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯค่อนข้างผันผวนเพราะกังวลกับ Valuation ในหุ้นกลุ่ม Technology พร้อมกับความกังวลว่า FED อาจลดดอกเบี้ยได้ไม่มากจากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจล่าช้าในก่อนหน้า ทำให้ในวันศุกร์ที่ผ่านมาเห็นการเร่งขึ้นของ US Bond Yield กดดันตลาดหุ้นและทองคำ แต่อย่างไรก็ตามความกังวล Valuation หุ้นสหรัฐฯในกลุ่ม Technology อาจผ่อนคลายลงบ้างหลังจาก Berkshire Hataway รายงานว่าได้ลงทุนในหุ้น Alphabet (Google) นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทภายใต้การดูแลของ Warren Buffet ตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้น Technology สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มากขึ้นในกลุ่ม Technology หากพิจารณาผลประกอบการ Technology ในช่วง 3Q25 จะพบว่าขยายตัวได้ดีและงบลงทุน (CAPEX) ยังเห็นการเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนถึง Demand ในฝั่งของ Data Center , Cloud ยังมีพัฒนาการที่ดี ราคาหุ้น Alphabet หลังปิดตลาดพบว่า +4% ระยะสั้นมองบวกกับหุ้นในไทยอย่าง DELTA สำหรับปัจจัยในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนขายหุ้นเพราะแรงผิดหวังผลประกอบการ 3Q25 ของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ส่วนใหญ่รายงานมาค่อนข้างผิดหวัง
โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกและโรงแรมรวมไปถึงกลุ่มที่อิงกับการท่องเที่ยวอย่างร้านอาหารและร้านสปา เมื่อประกอบกับสถานการณ์ไทยกับกัมพูชาที่ยังไม่ค่อยนิ่งจะเป็นปัจจัยกดดัน Upside ตลาดหุ้นไทย คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตาม วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1260 – 1280 ยังไร้ปัจจัยหนุนพร้อมกับแรง Sell On Fact หลังผลประกอบการในวันศุกร์อาจมีผลต่อการลงทุนในเชิงกดดัน ขณะที่บรรยากาศรอบด้านก็เป็นลบ (Nikkei -0.2% เช้านี้) ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจังหวะปรับตัวลงของ SET INDEX ยังมองเป็นโอกาสลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว อาทิ ธนาคารพาณิชย์ที่มีปันผลสูง (SCB) ค้าปลีกที่กำไรยังขยายตัวได้ดี (CPALL) ท่องเที่ยว (MINT) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA) เครื่องดื่ม (TACC)
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
มุมมองบวกต่อ 4Q25 คาดผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต YoY จากผู้ป่วยโรคละบาดที่เติบโตล่าช้ากว่าปี 2024 (รายได้ผู้ป่วยไทยเดือนต.ค. +8% YoY) และสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ต่อเนื่อง โดยผู้บริหารตั้งเป้าปี 2025 รายได้เติบโตที่ 4% YoY และ EBITDA Margin ที่ 24%
ICHI (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.90 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 358 ล้านบาท (+0.3%YoY, +15%QoQ) ดีกว่าที่เราและ BB consensus คาด 7% และมีกำไรปกติสูงที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 13.90 บาท เรายังคงมองเป็นหุ้นปันผลที่น่าสนใจระดับ 8%-9% คาดแนวโน้มยอดขายและกำไรปกติโต YoY ใน 4Q25 หนุนจากมาตรการคนละครึ่งพลัสและสภาพอากาศที่กดดันน้อยลง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon

































